สวดโอ้เอ้วิหารราย

     สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบัญญัติเป็นธรรมเนียมไว้ว่า เมื่อถึงฤดูฝนให้พระภิกษุที่จาริกรอนแรมออกไปสั่งสอนประกาศพระศาสนาในที่ต่าง ๆ ให้หยุดพักประจำ ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่ง ต่อมาเราเรียกสถานที่นั้นว่า วัดหรืออาราม ตลอดฤดูฝนเป็นเวลา ๓ เดือน ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ถึงกึ่งกลางเดือน ๑๑ เรียกว่า “เข้าพรรษา” จึงถือเป็นแบบธรรมเนียมพุทธบัญญัติ เมื่อพระภิกษุสงฆ์หยุดพักอยู่ที่ ประจำพรรษา ณ อารามหรือวัดเช่นนี้แล้ว พุทธศาสนิกชนจึงไปฟังธรรมถวายสักการะบำเพ็ญกุศล แก่พระภิกษุสงฆ์ แต่นั้นมาจึงเรียกว่า “เทศกาลเข้าพรรษา”

     พระราชพิธีหลวงในเทศกาลเข้าพรรษา กลางพรรษา และออกพรรษา จัดราชบัณฑิตนุ่งขาวห่มขาวสวดมหาชาติคำหลวงที่มุมด้านเหนือในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ส่วนภายนอกพระอุโบสถ นักเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จะตั้งโต๊ะหมู่บูชาที่ศาลาราย ๑๒ หลัง รอบพระอุโบสถ ผลัดกันอ่านฉันท์ที่ศาลาราย

     ตามโบราณราชประเพณีในพระราชนิพนธ์เรื่องพระราชพิธีสิบสองเดือน ของพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่า การสวดมหาชาติคำหลวง เป็นธรรมเนียมมีมาแต่ในแผ่นดินพระเจ้าทรงธรรม นัยหนึ่งเรียกว่าโอ้เอ้พิหารราย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริว่า ด้วยทุกวันนี้ ก็ไม่มีผู้ใดชอบฟัง ด้วยฟังก็ไม่ใคร่จะเข้าใจ จึงโปรดเกล้าฯ ให้จัดนักเรียนโรงทานอ่านหนังสือสวด ตามที่เล่าเรียนเป็นทำนองยานี ฉบัง สุรางคนางค์ ตามแต่ผู้ใดจะถนัด สวดเรื่องใดทำนองใดทุก ศาลาราย ศาลาละสองคน พระราชทานเงินเป็นรางวัล คนหนึ่งวันละสลึง ถ้าผู้ใดสวดดีอาจารย์ก็กันมาไว้ศาลาที่เป็นทางเสด็จพระราชดำเนิน ถ้าสำรับใดสวดดี บางปีก็ได้พระราชทานรางวัลเพิ่มเติมบ้าง เป็นการล่อให้นักเรียนมีใจฝึกซ้อมในการอ่านหนังสือ ส่วนที่สวดพระมหาชาติคำหลวงสำรับใหญ่นั้น ปัจจุบันยังคงสวดอยู่ในพระอุโบสถ ตามอย่างแต่ก่อน

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

     หนังสือสาส์นสมเด็จ กล่าวว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งโรงเรียนสอนหนังสือไทยขึ้นเป็นปฐมที่โรงทานเข้าประตูต้นสน (ประตูศรีสุนทร) ครั้นถึงเทศกาลที่ขุนทินขุนทานสวดมหาชาติ คำหลวงในโบสถ์วัดพระแก้ว จึงโปรดให้จัดเด็กที่โรงทานมาสวด “โอ้เอ้วิหารราย” อย่างโบราณที่ศาลาราย ครั้นเมื่อเลิกโรงเรียนที่โรงทาน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพจึงสั่งให้โรงเรียน ชั้นประถมของหลวงที่ตั้งขึ้น ณ ที่ต่าง ๆ ให้จัดเด็กมาสวดโอ้เอ้วิหารรายแทนเด็กโรงทานโรงเรียนละศาลา รอบพระอุโบสถตั้งแต่นั้นมา จนเป็นพิธีสืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน นักเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จะสวดโอ้เอ้วิหารราย เข้าพรรษา ๓ วัน กลางพรรษา ๓ วัน และออกพรรษา ๓ วัน

ราชบัณฑิตสวดมหาชาติคำหลวง

ราชบัณฑิตสวดมหาชาติคำหลวง ในพระอุโบสถ
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

นักเรียนสวดโอ้เอ้วิหารราย

นักเรียนสวดโอ้เอ้วิหารราย ณ ศาลาราย
รอบพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

    สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสถาปนาโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ในพระบรมมหาราชวังขึ้นใหม่ เมื่อครั้งสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๒๕ เพื่อดำเนินรอยตามพระยุคลบาทสมเด็จพระปิตามหัยกา พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระผู้ทรงก่อตั้งโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ในพระบรมมหาราชวัง เป็นครั้งแรก ในภาพ เด็กนักเรียนโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ในพระบรมมหาราชวัง กำลังสวดโอ้เอ้ วิหารราย ที่ศาลารายข้างพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในเทศกาลออกพรรษา

ตัวอย่างบทสวดโอ้เอ้วิหารราย

บทสวดโอ้เอ้วิหารราย ทำนองหลวง
เรื่อง พระไชยสุริยา ของสุนทรภู่
ศาลารายที่ ๒

ยานี ๑๑ (แม่ ก กา)
           ที่แพ้แก้ชนะ       ไม่ถือพระประเวณี
ขี้ฉ้อก็ได้ดี                 ไล่ด่าตีมีอาญา
           ที่ชื่อถือพระเจ้า   ว่าโง่เง่าเต่าปูปลา
ผู้เฒ่าเหล่าเมธา             ว่าใบ้บ้าสาระยำ
           ภิกษุสมณะ            เล่าก็ละพระสธรรม
คาถาว่าลำนำ               ไปเร่ร่ำทำเฉโก
           ไม่จำคำผู้ใหญ่    ศีรษะไม้ในยโส
ที่ดีมีอะโข                    ข้าขอโมทนาไป
           พาราสาวะถี         ใครไม่มีปราณีใคร
ดุดื้อถือแต่ใจ                  ที่ใครได้ใส่เอาพอ
           ผู้ที่มีฝีมือ           ทำดุดื้อไม่ซื้อขอ
ไล่คว้าผ้าที่คอ                 อะไรล่อก็เอาไป
           ข้าเฝ้าเหล่าเสนา   มิได้ว่าหมู่ข้าไท
ถือน้ำร่ำเข้าไป                 แต่น้ำใจไม่นำพา
           หาได้ใครหาเอา          ไพร่ฟ้าเศร้าเปล่าอุรา
ผู้ที่มีอาญา                     ไล่ตีด่าไม่ปราณี
           ผีป่ามากระทำ        มรณกรรมชาวบูรี
น้ำป่าเข้าธานี               ก็ไม่มีที่อาศัย
           ข้าเฝ้าเหล่าเสนา      หนีไปหาพาราไกล
ชีบาล่าลี้ไป                     ไม่มีใครในธานีฯ