พ่อปู่

พ่อปู่

พ่อปู่

     พ่อปู่ เป็นรูปจำหลักทำด้วยโลหะหน้าสิงโต ปากคาบกั้นหยั่น ประดิษฐานอยู่ที่ฝาผนังภายในซุ้มประตูชมพูไพที ซึ่งเป็นกำแพงกั้นเขตพระราชฐานชั้นใน ที่ริมประตูชมพูไพทีข้างทิศเหนือด้านฝ่ายในมีเกยหินอ่อนสำหรับเทียบพระราชยาน

      ตามคตินิยมของจีนมักจะเขียนเป็นรูปหน้าสิงโต คาบกั้นหยั่นกับยันต์แปดเหลี่ยม (โป๊ยข่วย) ติดไว้ตรงปากทางเหนือประตูบ้าน เพื่อปกป้องคุ้มครองภยันตรายและป้องกันการเจ็บไข้ได้ป่วยตามความเชื่อถือของชนชาวจีน นัยว่าเป็นลัทธิเต๋า

     ราชบัณฑิตไทยบัญญัตินามตามรูปแบบนี้ว่า “เกียรติมุข” หรือ “หน้ากาล” เป็นรูปหน้าคล้ายยักษ์ปนหน้าสิงห์ ตากลมถลน ปากกว้าง ไม่มีริมฝีปากล่าง ไม่มีร่างกาย และไม่มีแขนขา

ประตูกลมเกลาตู

ประตูกลมเกลาตรู

ประตูกลมชมพูไพที

ประตูชมพูไพที

     ตำนานความเป็นมา เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างสวนไว้ที่ข้างพระราชมณเฑียรด้านตะวันออกสำหรับประพาสสำราญพระราชอิริยาบถ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ เป็นแม่กองจัดสร้างสวนขวาข้างพระราชมณเฑียร ด้านตะวันออกขึ้นใหม่ เรียกว่า “สวนขวา”

 

     เมื่อได้สถาปนาสวนขวาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างกำแพงและประตู ตลอดแนวด้านตะวันออกกั้นเขตสวนขวาจากด้านเหนือจรดด้านใต้ เจาะเป็นช่องประตูเข้าออก ๓ ประตู นับจากเหนือเป็นประตูรูปเก๋งจีน บานประตูเขียนภาพมังกรจีนดั้นเมฆ ประตูที่ ๒ ประตูกลาง เป็นรูปเก๋งจีน บานประตูเขียนภาพเทพธิดาจีนหรือนางกำนัลถือพานเครื่องบูชาดอกไม้ธูปเทียน เมื่อเปิดประตูออกจะเป็นช่องวงกลมเข้าออก ถัดไปประตูที่ ๓ เป็นประตูซุ้มไม้ประดับกระเบื้องสี บานประตูทาสีชมพู (ปัจจุบันทาสีเขียว) ต่อมาในรัชกาลที่ ๗ เมื่อมีการซ่อมพระราชฐาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เรียกชื่อประตูทั้ง ๓ ว่า ประตูมังกรเล่นลม ประตูกลมเกลาตรู และประตูชมพูไพที

ภายในเขตพระราชฐานชั้นใน มีถนนอยู่ ๒ สาย คือ
๑. ถนนทรงบาตร ตั้งแต่ประตูดุสิตศาสดา เรื่องลงไปผ่านหน้าประตูมังกรเล่นลม ประตูกลมเกลาตรู ประตูชมพูไพที
๒. ถนนด้านหลังพระราชมณเฑียร ซึ่งปลายถนนมาบรรจบกันที่หน้าประตูชมพูไพที

ด้วยเหตุนี้จึงโปรดให้มีรูปสิงโตคาบกั้นหยั่นทำด้วยโลหะไว้ที่ภายในซุ้มประตูชมพูไพที เพื่อขจัดปัดเป่า ความไม่ดีงามทั้งมวลตามความเชื่อถือในคตินิยมของจีน

เจ้าจอม มรว.สดับ ลดาวัลย์

เจ้าจอม มรว.สดับ ลดาวัลย์

ประตูมังกรเล่นลม ด้านขวาของภาพ

ประตูมังกรเล่นลม ด้านขวาของภาพ

ประตูมังกรเล่นลม

ประตูมังกรเล่นลม

     เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ในรัชกาลที่ ๕ ท่านได้กรุณาเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า สตรีชาววังที่พำนัก อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นในเคารพนับถือกราบไหว้อยู่เป็นเนืองนิตย์ แม้กระทั่งจะผ่านเข้าหรือผ่านออก ผู้ใดประสบเคราะห์กรรมมรสุมชีวิตหรือเคราะห์หามยามร้ายมักจะมาบนบานศาลกล่าวให้ช่วยขจัดปัดเป่า เคราะห์กรรม ให้เบาบางไปในที่สุด ซึ่งก็ได้รับความสมหวังในสิ่งที่ตนปรารถนาอย่างน่าอัศจรรย์ ถึงกับเอ่ยนามสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ว่า“พ่อปู่” มาตราบเท่าทุกวันนี้