วันอาทิตย์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2563

ข่าวในพระราชสำนัก
พระบรมมหาราชวัง
วันอาทิตย์ ที่ ๒๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๓

วันนี้ เวลา ๑๙.๑๗ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี
เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ คณะกรรมการมูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ) และผู้ว่าราชการจังหวัด
ทุกจังหวัด นำ นักเรียนทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ)
รุ่นที่ ๑๒ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๓ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานทุน พร้อมกับนักเรียนทุนการศึกษาพระราชทานดีเด่น รุ่นที่ ๙ และครูดีเด่นประจำปี ๒๕๖๓ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานโล่เชิดชูเกียรติ และนำคณะนักเรียนทุนพระราชทาน ฯ รุ่นที่ ๓ รุ่นที่ ๔ รุ่นที่ ๕ ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี
ตามหลักสูตร ๖ ปี ตามหลักสูตร ๕ ปี และตามหลักสูตร ๔ ปี ปีการศึกษา ๒๕๖๒ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท ความว่า การที่โครงการ
ทุนการศึกษา มีพัฒนาการที่ก้าวหน้ามาอย่างต่อเนื่อง ย่อมเป็นผลจากความร่วมมือร่วมใจในการปฏิบัติงาน
ของคณะกรรมการมูลนิธิ เจ้าหน้าที่ทุกคนทุกฝ่าย ครูอาจารย์ทุกท่าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน
ความอุตสาหะพากเพียรในการศึกษาเล่าเรียนและพัฒนาตนเอง ของนักเรียนที่ได้รับทุน นับแต่รุ่นแรกมาจนถึง
รุ่นปัจจุบัน ข้าพเจ้าจึงขอแสดงความชื่นชมด้วยอย่างยิ่ง ทั้งขอขอบใจทุกคนทุกฝ่าย ที่เห็นความสำคัญของการศึกษา และคุณค่าของการได้รับโอกาสทางการศึกษา ขอให้นักเรียนทุนทุกคนตั้งใจพยายาม ที่จะศึกษา
เล่าเรียนและพัฒนาตนเองต่อไป ให้เป็นผู้มีความรู้ดี มีความสามารถสูง มีทัศนคติที่ถูกต้องดีงาม และมีใจ
ยึดมั่นในคุณธรรมความสุจริต ส่วนนักเรียนทุนที่สำเร็จการศึกษาแล้ว ก็ขอให้นำความรู้ความสามารถ
และคุณสมบัติทั้งปวงที่มีอยู่ ไปใช้ประกอบอาชีพการงานสร้างตัวสร้างฐานะ ให้สำเร็จผลเป็นประโยชน์
เป็นความเจริญมั่นคง ทั้งแก่ตนเอง แก่สังคม และแก่ประเทศชาติ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้ดำเนินโครงการทุนการศึกษาพระราชทาน
ด้วยทุนทรัพย์ส่วนพระองค์และเงินจากผู้บริจาคโดยเสด็จพระราชกุศล และจัดตั้ง มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้น เรียกโดยย่อว่า ม.ท.ศ. นับตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ มีนักเรียนที่ได้รับทุนพระราชทาน ม.ท.ศ. ไปแล้ว รวม ๑๑ รุ่น จำนวน ๑,๗๐๐ ราย ได้รับโอกาสเรียนต่อเนื่องในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จนถึงปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ทั้งยังได้รับการเพิ่มพูนทักษะการเรียนรู้รอบด้าน ให้มีทักษะอาชีพ ทักษะชีวิต มีทัศนคติที่ดีงาม มีจิตอาสาทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม ปัจจุบันมีผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้ว ๕ รุ่น จำนวน ๖๐๐ ราย ส่วนใหญ่ทำงานแล้วทั้งในภาครัฐ และเอกชน และร้อยละ ๗๐ คืนถิ่นกลับไปทำงาน
ในภูมิภาคและจังหวัดที่รับทุน
เวลา ๑๗.๒๔ น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร
มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากวังสระปทุม ไปพระราชทานเพลิงศพ นายพิมพ์ปฏิภาณ พึ่งธรรมจิตต์ ต.ช.,ต.ม.
ณ เมรุด้านใต้ วัดเทพศิรินทราวาส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร

/ในวันเดียวกันนี้…
– ๒ –

ในวันเดียวกันนี้ เวลา ๑๖.๓๗ น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เสด็จไป
ทรงตัดหวายลูกนิมิตอุโบสถ และทรงยกฉัตรเหนือพระประธานประจำอุโบสถ ณ วัดบรรพตสุทธาราม
อำเภอดงเจริญ จังหวัดพิจิตร
อนึ่ง เมื่อวันเสาร์ ที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เวลา ๑๙.๑๘ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
รับเสด็จ บริเวณด้านหน้าอาคารที่ทำการศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ภายหลังจากเสร็จพิธีวางศิลาฤกษ์
และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระดำเนินไปยังบริเวณประตูศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จอยู่เป็น
จำนวนมากบริเวณถนนหน้าศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา (ถนนอยุธยา-เสนา) ในการนี้ พระราชทานอาหาร
แก่ช้าง ซึ่งวังช้างอยุธยา แลเพนียด ได้นำช้าง จำนวน ๑๐ เชือก โดยแต่งตัวด้วยเครื่องคชาภรณ์ สีเหลือง
และแสดงท่าหมอบ ชูงวงขึ้น และเปล่งเสียงร้องกึกก้อง เพื่อเป็นการถวายความเคารพและแสดงถึงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ด้วย ในวันนี้ ประชาชนที่มารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ พร้อมใจกันมาจากอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาทิ ชุมชนมุสลิมซาปูยาน ชาวไทย – ปากีสถาน อำเภอหัวรอ และศิษย์สำนักดาบพุทไธสวรรย์ ที่แต่งกายด้วยชุดนักรบโบราณ รวมถึงจากจังหวัดใกล้เคียง กรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรสาคร หรือแม้แต่จังหวัดที่ห่างไกล เช่น จังหวัดเลย และราษฎรทุกคนต่างพร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลือง โบกธงชาติ ธงพระปรมาภิไธย วปร. และธงพระนามาภิไธย สท. รวมถึงเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมฉายาลักษณ์ที่ฉายกับสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เพื่อแสดงความจงรักภักดี และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกร เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระดำเนินผ่าน ราษฎรต่าง
พร้อมใจเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ถวายพระพรอย่างกึกก้อง
ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี
ทรงแย้มพระสรวล มีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรตลอดเส้นทางที่ทรงพระดำเนินความยาวกว่า ๘๐๐ เมตร
อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ราษฎรร่วมฉายพระรูป โดยไม่ทรงถือพระองค์ พระราชทานกำลังใจและพระราชทานลายพระราชหัตถ์ รวมถึงทรงลงพระปรมาภิไธยบนพระบรมฉายาลักษณ์พระราชทานแก่ราษฎร เพื่อเชิญกลับไปเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง ครอบครัวและเป็นที่ระลึกด้วย
กับทรงรับเงิน พวงมาลัย และสิ่งของที่ราษฎรตั้งใจประดิษฐ์นำทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยเงินที่ราษฎรทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยเสด็จพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงนำไปพระราชทานช่วยเหลือแก่ราษฎรทั่วประเทศที่ประสบภัยพิบัติ ในโอกาสต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ กองแพทย์หลวง ร่วมกับหน่วยแพทย์สาธารณสุขในพื้นที่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มาให้บริการตรวจสุขภาพและดูแลราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ เป็นอย่างดี ทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
โปรดกระหม่อม ให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกใหม่ถูกสุขอนามัย พระราชทานเลี้ยง

/แก่ราษฎร ในพื้นที่…

– ๓ –

แก่ราษฎร ในพื้นที่จุดพักคอยก่อนเข้าพื้นที่รับเสด็จ ยังความปลื้มปีติแก่ราษฎรและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
อย่างหาที่สุดมิได้ สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับถึงพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อเวลา ๒๑.๒๕ น.
ในวันเดียวกันนั้น เวลา ๑๔.๔๔ น. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์
อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากโรงแรมดุสิตธานีหัวหิน อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ไปยังท่าอากาศยานหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จไปทอดพระเนตรการทำงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่มูลนิธิอาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในโอกาสที่เสด็จไปทรงเยี่ยม และพระราชทานสิ่งของแก่ราษฎร ณ โรงเรียนโพธาวัฒนาเสนี อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
ครั้นเสด็จถึงหอประชุมเฉลิมพระเกียรติพระบรมราชินีนาถ ครบ ๖๐ พรรษา เสด็จไปทอดพระเนตรการทำงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่มูลนิธิอาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) จังหวัดราชบุรี
ที่โปรดให้ออกหน่วยบริการตรวจรักษาโรคทั่วไป บริการทันตกรรม และตรวจรักษาโดยแพทย์แผนไทยให้แก่ราษฎรในพื้นที่ ร่วมกับหน่วยแพทย์พระราชทานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีผู้มารับบริการ จำนวน ๒๓๔ คน ส่วนใหญ่ป่วยด้วยโรคระบบกล้ามเนื้อ กระดูก และข้อ โรคระบบทางเดินหายใจ และโรคระบบทางเดินอาหาร ในการนี้
หน่วยสัตวแพทย์อาสาจุฬาภรณ์ และสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดราชบุรี มาออกหน่วยให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพ
ของสัตว์เลี้ยงแก่ประชาชน โดยมีเจ้าของสัตว์เลี้ยง จำนวน ๔๗ คน มาขอรับบริการคำปรึกษาและขอเวชภัณฑ์
ในโอกาสนี้ ทรงเยี่ยมราษฎรจังหวัดราชบุรี และใกล้เคียงที่ไปเฝ้ารับเสด็จ พร้อมพระราชทานชุดของเล่น สมุดวาดภาพระบายสีแก่เด็กเล็ก และทรงเยี่ยมผู้ป่วย นำเฝ้า ซึ่งป่วยด้วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคความพิการแต่กำเนิดกับระบบปัสสาวะอุดตัน โรคมะเร็งเยื่อบุมดลูก โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคไตวาย โรคมะเร็งเต้านม โรคไตวายเรื้อรัง โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง โดยทรงมีพระปฏิสันถารสอบถามอาการของผู้ป่วย พร้อมพระราชทานเงินช่วยเหลือค่าเดินทางเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว และโปรดให้ส่งต่อไปรักษาโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ จากนั้น พระราชทานพระวโรกาสให้ นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์
ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่ร่วมปฏิบัติงานกับหน่วยแพทย์ พอ.สว. กราบทูลรายงานการปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นพระดำริ
ในการสร้างโอกาสการเรียนรู้ และประสบการณ์ให้กับนักศึกษาจากการลงพื้นที่ปฏิบัติงานจริง และในการเสด็จไปทรงเยี่ยมหน่วยแพทย์ พอ.สว. จังหวัดราชบุรี โปรดให้นักวิจัยและเจ้าหน้าที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เก็บรวบรวมข้อมูลพื้นฐานในเชิงลึกของผู้ป่วย จำนวน ๑๒ คน พบว่าปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะก่อให้เกิดโรคมาจากสาเหตุทางกรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อม พฤติกรรมการใช้ชีวิต และอุบัติเหตุ เนื่องจากจังหวัดราชบุรี มีโรงงานย้อมผ้าและโรงงานชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์หลายแห่ง ในการนี้ พระราชทานถุงพระราชทานแก่ผู้แทนเจ้าหน้าที่ พลเรือน ตำรวจ
และทหาร ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนตามแนวชายแดน ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พร้อมกับพระราชทานเข็มเครื่องหมายกรรมการและอนุกรรมการ เข็มเครื่องหมายพอ.สว.
เข็มพระนามาภิไธย สว. และโล่ แก่ผู้แทนกรรมการ และอนุกรรมการ สมควรแก่เวลา จึงประทับเฮลิคอปเตอร์
พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับโรงแรมดุสิตธานีหัวหิน อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี