คำกราบบังคมทูล ของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา รองประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในพิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2561 ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม 2562

วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ.2562
คำกราบบังคมทูล(๑) 
ของ 
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา 
รองประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ 
ในพิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี ๒๕๖๑ 
ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท 
วันพฤหัสบดีที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ 

ขอพระราชทานกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองพระบาท 

ข้าพระพุทธเจ้า ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะ 
แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ในฐานะรองประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล 
ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในนามคณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล 
ในพระบรมราชูปถัมภ์ คณะองคมนตรี รัฐมนตรี ทูตานุทูต และแขกผู้มีเกียรติ
ทุกท่าน ที่เฝ้าทูลละอองพระบาทอยู่ ณ ที่นี้ รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็น 
ล้นพ้น ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ใต้ฝ่าละออง 
พระบาทเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ มาพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล 
ประจำปี ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นปีที่ ๒๗ ในวันนี้ 

ในวาระอันเป็นมงคลยิ่งนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระราชานุญาตประกาศ 
เกียรติคุณ และเบิกบุคคลผู้มีผลงานเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ เข้าเฝ้าทูลละออง 
พระบาทรับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี ๒๕๖๑ ตามลำดับ ดังนี้ 

สาขาการแพทย์ 
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ไบรอัน เจ. ดรูเคอร์ สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตร 
บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา ต่อจากนั้น 

(๑) ถ้อยคำและอักขรวิธีตรงตามต้นฉบับ 

27
ฝึกอบรมเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งวิทยา จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย 
ฮาร์วาร์ด ปัจจุบันดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์อายุรศาสตร์ และผู้อำนวยการสถาบัน 
มะเร็งไนท์ มหาวิทยาลัยการแพทย์และวิทยาศาสตร์แห่งโอเรกอน สหรัฐอเมริกา 

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ไบรอัน เจ. ดรูเคอร์ มีผลงานสำคัญในการศึกษา 
ค้นคว้าและวิจัย จนเป็นผู้นำในการพัฒนาหนึ่งในยาต้นแบบของการรักษาโรคมะเร็งแบบ 
มุ่งเป้าคือ อิมาทินิบ สำหรับการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดซีเอ็มแอล 
ยาอิมาทินิบมีฤทธิ์ยับยั้งโปรตีนมะเร็ง BCR-ABL ที่พบเฉพาะในเซลล์ของผู้ป่วย 
โรคซีเอ็มแอล ซึ่งเซลล์ปกติไม่มีโปรตีนดังกล่าว ทำให้มีผลข้างเคียงจากการรักษาน้อย 
รวมถึงได้ผ่านการทดลองตั้งแต่ระดับห้องปฏิบัติการ ในสัตว์ทดลอง และการศึกษาทาง 
คลินิก พบว่าผู้ป่วยที่ได้ยาสม่าเสมอสามารถลดความรุนแรงำอัตราการตาย และ 
ความพิการจากโรคซีเอ็มแอลได้ หากไม่ได้รับยาอิมาทินิบผู้ป่วยจะมีอาการหนักจนถึง 
เสียชีวิตภายใน ๓ ปี ปัจจุบันมีการพัฒนายารักษาโรคมะเร็งแบบมุ่งเป้าขึ้นอีกหลายชนิด 
สำหรับใช้รักษาโรคมะเร็งชนิดอื่น ๆ 

ศาสตราจารย์แมรี่ แคลร์ คิง สำเร็จการศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาพันธุศาสตร์
จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กเลย์ สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง 
ศาสตราจารย์เวชพันธุศาสตร์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย 
วอชิงตัน สหรัฐอเมริกา 

ศาสตราจารย์แมรี่ แคลร์ คิง เป็นผู้ค้นพบยีนที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งเต้านม 
ซึ่งเป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในผู้หญิง มีผู้ป่วยใหม่ที่ได้รับการวินิจฉัยมะเร็งเต้านมปีละ 
กว่าสองล้านคน และมีผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคนี้มากถึงสองแสนคนในแต่ละปี 

ในปี ๒๕๓๔ ศาสตราจารย์คิง ค้นพบตำแหน่งของยีน ที่เมื่อเกิดการ 
กลายพันธุ์จะเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งเต้านมที่ถ่ายทอดได้ทางกรรมพันธุ์ และ 
ตั้งชื่อยีนนั้นว่า BRCA1 นับเป็นครั้งแรกที่มีการพิสูจน์ว่ามะเร็งที่พบได้บ่อยสามารถ 
ถ่ายทอดทางพันธุกรรม สามารถค้นหาผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งเต้านมจาก 
สาเหตุทางพันธุกรรม ช่วยป้องกันการเกิดโรคด้วยการเฝ้าระวังหรือการรักษาตั้งแต่ระยะ 
เริ่มต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อมาได้มีการค้นพบยีนอื่น ๆ ที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับ 
การเกิดมะเร็งเต้านมเพิ่มเติม เช่น BRCA2 โดยศาสตราจารย์คิงยังมีส่วนร่วมในการ 
ศึกษายีนเหล่านั้นเป็นส่วนใหญ่ด้วย และ BRCA1 ยังเป็นยีนที่เกิดการกลายพันธุ์ได้
บ่อยที่สุดในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเต้านม นอกจากนี้ ศาสตราจารย์คิงยังได้ร่วมมือกับ 
นักวิทยาศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน พัฒนาการตรวจยีนมะเร็งด้วยเทคนิคใหม่

28
เพื่อให้สามารถนำไปใช้ได้ทั่วโลก ส่งผลให้ปัจจุบันการตรวจหายีนมะเร็งมีราคาถูกจน 
คนเข้าถึงได้จำนวนมาก ผู้ป่วยและครอบครัวที่ตรวจคัดกรองพบการกลายพันธุ์ของยีน 
จึงได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม และได้รับการรักษาที่รวดเร็วมากขึ้นตั้งแต่ในระยะ 
เริ่มต้น ป้องกันการเสียชีวิตจากการลุกลามของโรคได้อย่างกว้างขวาง 

ผลงานการค้นพบที่สำคัญของศาสตราจารย์ นายแพทย์ไบรอัน เจ. ดรูเคอร์
ที่พบยาต้นแบบในการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบมุ่งเป้า ส่งผลให้เกิดองค์ความรู้
ในการพัฒนาวิธีการรักษาแบบมุ่งเป้าอย่างก้าวกระโดด และศาสตราจารย์แมรี่ แคลร์ คิง 
ที่พบยีนสำคัญที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งเต้านมที่ถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม และ 
การพัฒนาชุดตรวจมะเร็งเต้านมด้วยการตรวจยีน ทำให้สามารถคัดกรองคนทั่วไปที่มี
ความเสี่ยงและวางแผนการเฝ้าระวังโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีบทบาทสำคัญยิ่ง 
ในการศึกษาความรู้พื้นฐาน การพัฒนาแนวทางวินิจฉัยและการรักษาโรคมะเร็งที่พบบ่อย 
ส่งผลในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้ในวงกว้าง ลดการเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 
เม็ดเลือดขาวและโรคมะเร็งเต้านมได้จำนวนหลายล้านคนทั่วโลก 

คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่ง 
ใต้ฝ่าละอองพระบาททรงเป็นประธาน จึงเห็นสมควรให้ศาสตราจารย์ นายแพทย์ไบรอัน 
เจ. ดรูเคอร์ และศาสตราจารย์แมรี่ แคลร์ คิง ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้า 
มหิดล สาขาการแพทย์ ประจำปี ๒๕๖๑ ร่วมกัน 

สาขาการสาธารณสุข 
ศาสตราจารย์ นายแพทย์จอห์น ดี. คลีเมนส์ สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตร 
บัณฑิต และฝึกอบรมด้านระบาดวิทยาคลินิก จากมหาวิทยาลัยเยล สหรัฐอเมริกา 
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการบริหารศูนย์วิจัยโรคท้องร่วงนานาชาติ สาธารณรัฐ 
ประชาชนบังกลาเทศ และศาสตราจารย์วุฒิคุณระบาดวิทยา มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย 
ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา 

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ยอน อาร์. โฮล์มเกรน สำเร็จการศึกษา 
แพทยศาสตรบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยโกเธนเบิร์ก ราชอาณาจักร 
สวีเดน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์จุลชีววิทยาการแพทย์ และผู้อำนวยการ 
สถาบันวัคซีนแห่งมหาวิทยาลัยโกเธนเบิร์ก ราชอาณาจักรสวีเดน 

ศาสตราจารย์ นายแพทย์จอห์น ดี. คลีเมนส์ และศาสตราจารย์ นายแพทย์
ยอน อาร์. โฮล์มเกรน ทำงานร่วมกันเป็นเวลากว่า ๓๐ ปี ในการศึกษาค้นคว้าวิจัย 
และพัฒนาวัคซีนป้องกันอหิวาตกโรคชนิดกิน 

29
อหิวาตกโรคเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียในทางเดินอาหาร การระบาดทั่วโลก 
ครั้งแรกเกิดขึ้นในศตวรรษที่ ๑๙ นับถึงปัจจุบันมีการระบาดทั่วโลกแล้ว ๗ ครั้ง 
มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้หลายล้านคน โดยได้มีการใช้วัคซีนป้องกันโรคชนิดฉีดมาเป็น 
เวลานาน แต่พบว่ามีประสิทธิภาพต่ำ ในช่วงทศวรรษ ๑๙๗๐ ศาสตราจารย์
นายแพทย์โฮล์มเกรน ได้เสนอผลการวิจัยว่า ภูมิต้านทานที่สำคัญในการป้องกัน 
อหิวาตกโรคคือชนิดไอจีเอ ซึ่งสร้างขึ้นที่เยื่อบุทางเดินอาหาร และวัคซีนชนิดกิน 
มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันมากกว่าวัคซีนชนิดฉีด ส่วนศาสตราจารย์ 
นายแพทย์คลีเมนส์ มีบทบาทสำคัญในการศึกษาเพื่อแสดงประสิทธิผลของวัคซีน 
ชนิดกินในการทดสอบทางคลินิก ส่งผลให้องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าวัคซีนป้องกัน 
อหิวาตกโรคควรเป็นชนิดกิน และยุติการใช้วัคซีนชนิดฉีด 

วัคซีนป้องกันอหิวาตกโรคชนิดกินชนิดแรกที่ผลิตขึ้นเรียกว่า ดูโครอล 
(Dukoral) แต่มีราคาแพง มีความลำบากในการกิน และมีประสิทธิภาพการป้องกัน 
ได้เพียงประมาณร้อยละ ๕๐ ในเวลา ๒ ปี ในทศวรรษ ๒๐๐๐ ศาสตราจารย์ 
นายแพทย์จอห์น ดี. คลีเมนส์ และศาสตราจารย์ นายแพทย์ยอน อาร์. โฮล์มเกรน 
ได้ผลิตวัคซีนป้องกันอหิวาตกโรคชนิดกินชนิดใหม่เรียกว่า ชานชอล (Shanchol) ซึ่งมี
ราคาถูก และมีประสิทธิภาพการป้องกันสูงได้นานกว่า ๕ ปี นอกจากนี้ ยังได้เสนอ 
แนวคิดเรื่องภูมิคุ้มกันอาศัยหมู่ โดยพบว่าการให้วัคซีนกับประชากรประมาณร้อยละ ๖๐ 
(ไม่จำเป็นต้องให้ครบทุกคน) จะสามารถช่วยป้องกันการระบาดของโรคได้เพราะเมื่อ 
คนที่ได้รับวัคซีนไม่เป็นโรคจะช่วยป้องกันคนที่ไม่ได้วัคซีนได้ด้วย เนื่องจากไม่มีการ 
แพร่กระจายของโรค ด้วยแนวคิดนี้ ทำให้องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้วัคซีนชานชอล 
ในประเทศที่มีปัญหาการควบคุมอหิวาตกโรคมาตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ และในปี ๒๕๕๖ 
องค์การอนามัยโลกและกลุ่มพันธมิตรเพื่อวัคซีน (GAVI) ได้จัดทำคลังวัคซีนดังกล่าว 
สำหรับใช้ในการป้องกันการระบาดของอหิวาตกโรค โดยเฉพาะเมื่อมีความเสี่ยงหรือ 
เกิดเหตุฉุกเฉิน ดังเช่นในประเทศเฮติหลังจากได้รับผลกระทบจากเฮอริเคนแมทธิว 
ในปี๒๕๕๙ และหลังจากการอพยพของกลุ่มประชากรโรฮีนจาจำนวนมากเข้าสู่
สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศในปี ๒๕๖๐ ซึ่งเชื่อว่าการให้วัคซีนป้องกันอหิวาตกโรค 
ชนิดกินแก่ประชากรหลายแสนคนในแต่ละเหตุการณ์ ช่วยป้องกันการระบาดของ 
อหิวาตกโรคครั้งใหญ่ได้ 

ผลงานการศึกษาตั้งแต่ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการสร้างภูมิต้านทานป้องกัน 
อหิวาตกโรค ไปสู่การผลิตวัคซีนชนิดกินที่ได้รับการทดสอบทางคลินิกจนเป็นที่ยอมรับ 
โดยองค์การอนามัยโลก ของศาสตราจารย์ นายแพทย์จอห์น ดี. คลีเมนส์ และ 

30
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ยอน อาร์. โฮล์มเกรน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบาย 
จากวัคซีนชนิดฉีดเป็นการแนะนำให้ใช้วัคซีนชนิดกินแทน และสนับสนุนคลังวัคซีนสำหรับ 
หลายประเทศทั่วโลกที่มีปัญหาหรือมีความเสี่ยงต่อการระบาดของอหิวาตกโรค ทำให้
ช่วยป้องกันโรคได้ในวงกว้าง ลดการเสียชีวิตจากอหิวาตกโรคได้ในประชากรหลายล้านคน 
ทั่วโลก 

คณะกรรมการมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่ง 
ใต้ฝ่าละอองพระบาททรงเป็นประธาน จึงเห็นสมควรให้ศาสตราจารย์ นายแพทย์จอห์น 
ดี. คลีเมนส์ และศาสตราจารย์ นายแพทย์ยอน อาร์. โฮล์มเกรน ได้รับพระราชทาน 
รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล สาขาการสาธารณสุข ประจำปี ๒๕๖๑ ร่วมกัน 

ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระราชวโรกาสเบิกบุคคลดังกล่าว เข้าเฝ้า 
ทูลละอองพระบาทรับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี ๒๕๖๑ 
ตามลำดับ ดังนี้ 

สาขาการแพทย์ 
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ไบรอัน เจ. ดรูเคอร์ 
ศาสตราจารย์แมรี่ แคลร์ คิง 

สาขาการสาธารณสุข 
ศาสตราจารย์ นายแพทย์จอห์น ดี. คลีเมนส์ 
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ยอน อาร์. โฮล์มเกรน 

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม 

31