คำกราบบังคมทูล ของ ศาสตราจารย์ประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี รายงานกิจการของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา 2558 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา วันจันทร์ ที่ 7 พฤศจิกายน 2559

วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ.2559

คำกราบบังคมทูล (๑)

ของ
ศาสตราจารย์ประสาท สืบค้า
อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
รายงานกิจการของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๘
ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา
วันจันทร์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

ขอพระราชทานกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองพระบาท

ข้าพระพุทธเจ้า
ศาสตราจารย์ประสาท
สืบค้า
อธิการบดีมหาวิทยาลัย
เทคโนโลยีสุรนารี
ขอพระราชทานพระราชานุญาตกราบบังคมทูลรายงานกิจการของ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โดยสังเขป ดังนี้

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีได้รับการสถาปนาขึ้นโดยพระราชบัญญัติ
เมื่อ
วันที่
๒๗
กรกฎาคม
๒๕๓๓
เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการ
อยู่ใน
การกำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
และถือเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของ
รัฐเป็นแห่งแรกของประเทศไทยที่เน้นการจัดการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ในสาขาวิชาที่มีความต้องการกำลังคนสูง
มหาวิทยาลัยปฏิบัติภารกิจหลัก

ประการ
ได้แก่
การสอน
การวิจัย
การบริการทางวิชาการแก่สังคม
การปรับแปลง
ถ่ายทอด
และพัฒนาเทคโนโลยี
และการทะนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม
เพื่อให้ประเทศไทย
สามารถพึ่งพาตนเองทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
และสามารถแข่งขันกับประเทศ
ต่าง

ในยุคโลกาภิวัตน์ได้อย่างยั่งยืน

(๑)
ถ้อยคำและอักขรวิธีตรงตามต้นฉบับ

556

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ใต้ฝ่าละอองพระบาท
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาตให้จัดตั้ง
“กองทุนนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา

สยามบรมราชกุมารี”
โดยจัดตั้งขึ้นในปี
พ.ศ.
๒๕๔๖
เพื่อสนับสนุนผลงานของคณาจารย์
นักศึกษา
และ
บุคลากรของมหาวิทยาลัย ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๔๗
-๒๕๕๘ ได้สนับสนุน
โครงการวิจัยทั้งสิ้น
๔๔
โครงการ
รวมทั้งสนับสนุนการจัดกิจกรรมการประกวด
สิ่งประดิษฐ์ที่มหาวิทยาลัยจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
สำหรับปี
พ.ศ.
๒๕๕๙
มหาวิทยาลัย
ได้จัดการประกวดสิ่งประดิษฐ์ประเภทอุปกรณ์
เครื่องมือการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์และ
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
โดยมีผลงานจากคณาจารย์
นักศึกษา
บุคลากรของมหาวิทยาลัย
และจากสถาบันการศึกษาในเครือข่ายอุดมศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดทั้งสิ้น ๓๙ ผลงาน

ด้านการวิจัยพัฒนา
ในปีงบประมาณ
พ.ศ.
๒๕๕๙
ได้ดำเนินโครงการวิจัย
๔๘๑
โครงการ
ในจำนวนนี้ได้รับทุนตามโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษกของ
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย
รวมทั้งสิ้น
๕๕
โครงการ
และได้เผยแพร่ผลงาน
วิจัยในปี
พ.ศ.
๒๕๕๙
รวม
๘๑๗
ผลงาน
ทั้งนี้เป็นการเผยแพร่ผลงานวิจัยระดับ
นานาชาติ
จำนวน
๖๗๓
ผลงาน
และมีผลงานวิจัยที่นำมาจดสิทธิบัตร
จำนวน
๑๓
ผลงาน
และจดลิขสิทธิ์
จำนวน

ผลงาน
กองทุนนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์สมเด็จ
พระเทพรัตนราชสุดา

สยามบรมราชกุมารี จำนวน ๔ โครงการ

ด้านการปรับแปลง
ถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยี
มหาวิทยาลัยได้ดำเนิน
ภารกิจด้านการปรับแปลง
ถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยี
เพื่อการเป็น
“สถาบันคู่เคียง
สังคม”
ยึดหลักความรับผิดชอบต่อสังคม
(Social
Responsibility)
ควบคู่กับหลัก
ธรรมาภิบาล
ที่มีการบริหารที่ซื่อสัตย์
โปร่งใส
และตรวจสอบได้
ส่งเสริมให้เกิด
การใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญา
และสนับสนุนให้มีการจัดแสดงเทคโนโลยีเพื่อ
ส่งเสริมและกระตุ้นให้มีการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
และเพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้
รวมถึงผลักดันให้เกิดการนำผลงานวิจัย
สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม
ไปสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ต่อไป
โดยในปีงบประมาณ
พ.ศ.
๒๕๕๙
มหาวิทยาลัยได้นำผลงานวิจัยพัฒนามาปรับแปลงและถ่ายทอดสู่ชุมชน
ในรูปแบบต่าง

ผ่านโครงการต่าง

เช่น
การจัดโครงการสนับสนุนการพัฒนา
เทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย
การจัดโครงการ
๓๒
อำเภอ
๓๒
ดอกเตอร์
มทส.
การจัดโครงการคลินิกเทคโนโลยี
และโครงการหน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจ
ฯลฯ
โดย
มหาวิทยาลัยมุ่งมั่นส่งเสริมธุรกิจเทคโนโลยีใหม่ที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูง

557

โดยมีการยกระดับการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ในการสนับสนุนคลัสเตอร

เชิงยุทธศาสตร์ของภูมิภาค
และได้มีการจัดงานมหกรรมนวัตกรรมไทยภาคตะวันออก
เฉียงเหนือ
ประจำปี
๒๕๕๙
“นวัตกรรมไทยเพื่อคนไทย
จากผลงานของนักวิจัยและ
เอกชนไทย”
โดยมุ่งเน้นกลุ่มเกษตรกร
วิสาหกิจชุมชน
ผู้ประกอบการใหม่
ผู้ผลิต
ภาคอุตสาหกรรม อาจารย์ นักวิจัย นักศึกษา และประชาชนทั่วไป

ด้านการบริการวิชาการ
เพื่อให้สถาบันแห่งนี้เป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่าง
แท้จริง มหาวิทยาลัยได้กำหนดนโยบาย “จากหิ้ง ลงสู่ห้าง” คือ นำผลงานวิจัยที่โดดเด่น
สู่การพัฒนาชุมชน
ที่เกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน
เพื่อให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็น
“สถาบัน
คู่เคียงสังคม”
โดยมีเทคโนธานีเป็นหน่วยงานหลัก
ทำหน้าที่เชื่อมประสานองค์ความรู้
ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีออกบริการสู่สังคม
เช่น
ไก่เนื้อโคราช
โคเนื้อ
พันธ์ุโคราชวากิว
ปลานิลแปลงเพศ
การปลูกพืชไร้ดิน
(ไฮโดรโปนิกส์)
ฯลฯ
มหาวิทยาลัยได้พยายามเพิ่มพูนความรู้ด้านต่างๆ
และส่งเสริมทั้งด้านการผลิ

การแปรรูป
ตลอดจนการตลาด
เพื่อให้เกิดเป็นอาชีพได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
พร้อมทั้งติดตาม
สถานการณ์
ความเปลี่ยนแปลงตามกระแสโลกาภิวัตน์
เพื่อให้องค์ความรู้ทางวิชาการ
ที่สั่งสมจากคณาจารย์
นักวิจัย
และผู้มีความเชี่ยวชาญในศาสตร์แต่ละแขนง
ได้ถูก
เชื่อมประสานผ่านสำนักงานอุทยานการเรียนรู้สิรินธร
สำนักงานบริการวิชาการและ
โครงการพิเศษ
โดยจัดให้มีการอบรม
สัมมนา
และประชุมเชิงปฏิบัติการที่เกิดจาก
การร่วมคิดร่วมพัฒนาตามความต้องการของสถานศึกษา
ผู้ประกอบการ
องค์กรชุมชน
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน

ด้านการทะนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม
มหาวิทยาลัยได้ร่วมส่งเสริม
สนับสนุน
เผยแพร่
ศิลปะและวัฒนธรรมของไทยอย่างต่อเนื่อง
ส่งเสริมการนำความรู้สู่การอนุรักษ์
โดยการสร้างเครือข่าย
ภูมิปัญญาท้องถิ่น
ทั้งในกลุ่มนักศึกษา
บุคลากร
และประชาชน
เช่น
กิจกรรมไหว้ครูดนตรีและนาฏศิลป์ไทย
กิจกรรมลานบันเทิง
และการจัดกิจกรรม
ส่งเสริมวัฒนธรรมของชาติในระดับอาเซียน ASEAN
Week@SUT
Library

ด้านการรับผิดชอบต่อสังคม
มหาวิทยาลัยได้จัดกิจกรรมโครงการที่แสดงถึง
ความรับผิดชอบต่อสังคม เช่น โครงการมหาวิทยาลัยเขียวสะอาด (Green
and
Clean
University) โครงการ มทส. ร่วมใจ ประหยัดใช้พลังงาน “สู้วิกฤตไฟฟ้า”

ปัจจุบัน
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีได้ดำเนินการตามภารกิจมาเป็นปีที่
ยี่สิบหก
โดยเปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรี
ปริญญาโท
และปริญญาเอก
รวมทั้งสิ้น
๙๓
หลักสูตร
ในกลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์
วิศวกรรมศาสตร์
เทคโนโลยี

558

การเกษตร
เทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคโนโลยีการจัดการ
ภาษาอังกฤษ
สาธารณสุข
ศาสตร์ แพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และพยาบาลศาสตร์ ดังนี้

๑.
หลักสูตรระดับปริญญาตรี
เปิดสอนในกลุ่มสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์
เทคโนโลยีการเกษตร
เทคโนโลยีสารสนเทศ
เทคโนโลยีการจัดการ
สาธารณสุข
ศาสตร์
วิทยาศาสตร์
แพทยศาสตร์
ทันตแพทยศาสตร์
และพยาบาลศาสตร์
รวม
๓๗
หลักสูตร
รับนักศึกษาเข้าศึกษาทั้งโดยวิธีการรับตรง
ซึ่งใช้ผลการเรียน
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายโดยไม่มีการสอบ
และการสอบคัดเลือกผ่านสำนักงาน
คณะกรรมการการอุดมศึกษา
ตั้งแต่ปีการศึกษา
๒๕๓๖
จนถึงปัจจุบันปีการศึกษา
๒๕๕๙ รวม ๒๔ รุ่น
มีนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่รับเข้าศึกษา รวม ๕๒,๔๖๔ คน
สำเร็จการศึกษาไปแล้ว ๑๙ รุ่น รวม ๒๑,๘๙๖ คน

ในปีการศึกษา
๒๕๕๙
นี้
มหาวิทยาลัยรับนักศึกษาใหม่รวม
๓,๗๙๓
คน
เป็นนักศึกษากลุ่มสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์
๒,๗๑๙
คน
กลุ่มสาขาวิชาเทคโนโลยี
การเกษตร
๒๔๙
คน
กลุ่มสาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ
๑๘๗
คน
กลุ่มสาขาวิชา
เทคโนโลยีการจัดการ
๑๗๐
คน
กลุ่มสาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์
๒๑๐
คน
กลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา
๖๐
คน
กลุ่มสาขาวิชาตามหลักสูตรวิทยาศาสตร
บัณฑิตที่จัดการศึกษาแบบก้าวหน้า
๒๖
คน
กลุ่มสาขาวิชาแพทยศาสตร์
๘๐
คน
กลุ่มสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ ๘๐ คน และกลุ่มสาขาวิชาทันตแพทยศาสตร์ ๓๐ คน

๒.
หลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา
มหาวิทยาลัยเปิดสอนระดับบัณฑิตศึกษา
เป็นปีที่ยี่สิบเอ็ด
โดยเปิดสอนในระดับปริญญาโท
และระดับปริญญาเอก
รวม
๗๔
หลักสูตร นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่รับเข้าศึกษา รวม ๕,๔๓๓
คน สำเร็จการศึกษา
แล้วในระดับปริญญาโท
๑๗
รุ่น
รวม
๑,๗๕๑
คน
ระดับปริญญาเอก
๑๖
รุ่น
รวม ๕๕๒ คน

ผลการดำเนินงานดังที่ได้กราบบังคมทูลโดยสังเขป
แสดงให้เห็นว่ามหาวิทยาลัย
เทคโนโลยีสุรนารีประสบความสำเร็จและความก้าวหน้ามาด้วยดี
และในปีการศึกษา
๒๕๕๘
มีผู้สำเร็จการศึกษาที่จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร
แบ่งเป็น
ระดับ
ปริญญาเอกรุ่นที่สิบเจ็ด
จำนวน
๘๖
คน
ระดับปริญญาโทรุ่นที่สิบแปด
จำนวน
๒๐๑
คน
ระดับปริญญาตรีรุ่นที่ยี่สิบ
จำนวน
๑,๙๒๐
คน
และผู้สำเร็จการศึกษา
จากสถาบันการบินพลเรือน
สถาบันสมทบของมหาวิทยาลัย
ระดับปริญญาโท
รุ่นที่สอง
จำนวน
๓๔
คน
ระดับปริญญาตรีรุ่นที่สิบหก
จำนวน
๓๐๑
คน
รวมจำนวน ๒,๕๔๒ คน

559

บัดนี้
ได้เวลาอันเป็นอุดมมงคลฤกษ์แล้ว
ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทาน
พระราชวโรกาสกราบบังคมทูลเบิกผู้ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์
เข้ารับ
พระราชทานปริญญาบัตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ตามลำดับ ดังนี้

วิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ชีวเคมี)

ศาสตราจารย์ หม่อมราชวงศ์ชิษณุสรร สวัสดิวัตน์

วิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (วิศวกรรมเครื่องกล)

ศาสตราจารย์เฟอริดัน แฮมดุลลาเพอร์

แพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ซิกฝริด อาร์ ชวาส

ส่วนผู้ได้รับรางวัลเกียรติคุณ
ซึ่งเป็นผู้ที่ทำคุณประโยชน์ยิ่งให้แก่มหาวิทยาลัย
เทคโนโลยีสุรนารี
สมควรได้รับรางวัลเพื่อเป็นเกียรติประวัติสืบไป
ข้าพระพุทธเจ้า
ขอพระราชทานพระราชวโรกาสกราบบังคมทูลเบิกผู้ได้รับรางวัลเกียรติคุณ
เข้ารับ
พระราชทานรางวัลเกียรติคุณ ดังนี้

รางวัลเกียรติคุณเข็มกิตติการทองคำ

ศาสตราจารย์ไพจิตร โรจนวานิช

ประธานกรรมการมูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหม โรงแรมเอราวัณ

ต่อจากนี้
ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระราชวโรกาสกราบบังคมทูลเชิญ
ใต้ฝ่าละอองพระบาททรงพระกรุณาพระราชทานปริญญาบัตรกับรางวัลแก่ผู้สำเร็จ
การศึกษา ดังที่คณบดี รองคณบดี หัวหน้าสาขาวิชา ผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน
และรองอธิการบดี
จะได้กราบบังคมทูลต่อไป
และขอรับพระราชทานพระราโชวาท
เพื่อเป็นสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลแก่บัณฑิตและผู้เข้าร่วมพิธีพระราชทานปริญญาบัตร
ครั้งนี้สืบไป

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม

560