พระราชดำรัส(๑) ในโอกาสที่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ(๒) นำคณะเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำต่างประเทศ เข้าเฝ้า ฯ กราบถวายบังคมลา ในโอกาสที่จะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต วันจันทร์ ที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๑ ทูตไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ประเทศไหนก็ตาม ถ้าเผื่อวิ่งเข้าหางาน ถ้าเผื่อ มีความขยัน มีความเข้าใจในภารกิจ ก็คือเข้าใจสภาพของประเทศที่เราไปประจำอยู่ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ หรือบทบาทของประเทศนั้น ๆ ในเวทีโลก หรือในเวทีที่เกี่ยวข้องกับเรา เราก็จะไปไม่ผิด ไม่ผิดทิศทาง. ในเวลาเดียวกัน การที่จะรักษาเกียรติของประเทศ หรือการที่จะพูดในทาง ที่ถูกต้องที่ดีเกี่ยวกับประเทศไทย ก็สำคัญ เพราะว่าในยุคนี้สมัยนี้ ทูตย่อมต้อง เป็นผู้ที่มีความรู้หรือเข้าใจสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่เป็นจริงของประเทศไทย แล้วต้องฉาย ภาพพจน์ของประเทศไทยเรานี้ ให้เป็นไปในทางที่ถูก พร้อมทั้งแก้ปัญหาต่าง ๆ ในทางที่ไม่ถูกต้องไม่ดี หรืออะไรที่มีผลกระทบต่อประเทศ และประชาชนของเรา. ไปเป็นทูตก็ต้องไปแก้ปัญหาอยู่ดี ตามหลักการนะ ไปเป็นทูตก็ต้องไปแก้ปัญหา ไปเป็นผู้แทนไปรักษาผลประโยชน์ของประเทศเรา ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม. พอไป เกียรติมี มีเกียรติ แต่เกียรติที่สูงสุดคือ ปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ หรือชื่อเสียงของประเทศไทย เพราะเมืองไทยนี่น่ะความจริงก็มีอะไรดีๆ มากมาย. มันก็เป็นปัญหาว่าจะแสดง หรือจะพรีเซนต์ให้เขาอย่างไรในทางที่ถูกต้อง ให้เขา เข้าใจบ้านเรา. ในเวลาเดียวกันเราก็ต้องเข้าใจเขา เพราะมันเป็นประสบการณ์ (๑) เรียบเรียงขึ้นตามที่ได้บันทึกพระสุรเสียงไว้ (๒) นางบุษยา มาทแล็ง 81
ของตัวเองที่ได้ไปประเทศต่าง ๆ ได้ศึกษาว่าแต่ละประเทศเขามีวิธีการทำการทำงาน ยังไง เขามีประเพณีอย่างไร หรือเขามีทัศนคติ ความคิดต่างๆ ต่อสิ่งต่างๆ อย่างไร. ก็ขอให้โชคดี ไปด้วยความสบายใจ มีกำลังใจ. แล้วก็เราเน้นนะ ว่าการไป เป็นทูตที่ไหนนี่น่ะ มันไม่มีที่ไหนด้อยกว่ากัน. 82