พระราโชวาท สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา จากมหาวิทยาลัยนครพนม ประจำปีการศึกษา 2557 ณ ศาลาประชาคมยงใจยุทธ จังหวัดนครพนม วันจันทร์ ที่ 21 มีนาคม 2559

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ.2559

พระราโชวาท

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษา
จากมหาวิทยาลัยนครพนม
ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๗
ณ ศาลาประชาคมยงใจยุทธ จังหวัดนครพนม
วันจันทร์ ที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๙

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
ให้ข้าพเจ้ามาปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร
ของมหาวิทยาลัยนครพนม ประจำปีนี้. ขอแสดงความชื่นชมกับผู้ทรงคุณวุฒิ
และบัณฑิตทุกคน ที่ได้รับเกียรติและความสำเร็จ.

บัณฑิตทั้งหลายสามารถศึกษาเล่าเรียนในระดับสูงจนสำเร็จการศึกษาอย่าง
เต็มภาคภูมิ ย่อมได้รับความนิยมยกย่องจากคนทั่วไปว่าเป็นผู้มีสติปัญญาดี. คำว่า
“สติปัญญา” นี้ เมื่อได้ฟัง ก็ชวนให้คิดไปว่าหมายถึงการมีความรู้ดีมีความสามารถสูง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้ความสามารถทางวิชาการ แต่แท้จริง คำคำนี้มีความหมาย
ลึกซึ้งมาก เพราะประกอบขึ้นจากคำว่า “สติ” กับ “ปัญญา”. สตินั้น คือความระลึก
รู้ตัวอันก่อให้เกิดความยั้งคิด ส่วนปัญญา คือความเฉลียวฉลาดรู้แจ้งชัดในสิ่งต่างๆ.
รวมความแล้ว “สติปัญญา” หมายถึง ความเฉลียวฉลาดที่จะหยุดคิดพิจารณา
การกระทำและคำพูดของตน ให้เป็นไปโดยถูกต้องเที่ยงตรงตามกระบวนการ
ของเหตุและผล คือพิจารณาได้ว่าสิ่งที่จะทำ คำที่จะพูดนั้น พูดและทำไปเพราะอะไร
เพื่ออะไร และจะก่อให้เกิดผลอย่างไรตามมา. ผู้มีสติปัญญาแท้จริง จึงสามารถ
ตัดสินการกระทำของตนได้ถูกต้อง ว่าเป็นสิ่งที่สมควรหรือไม่ ผิดชอบชั่วดีอย่างไร.
เมื่อตัดสินได้ ก็ย่อมจะกระทำแต่สิ่งที่สุจริตและมีประโยชน์ยั่งยืน ไม่กระทำความทุจริ

92

ตอันก่อให้เกิดผลเสียหายทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น. จึงขอให้บัณฑิตทุกคนนำสิ่งที่พูดนี้
ไปคิดพิจารณาให้เข้าใจ แล้วเร่งปฏิบัติฝึกตนให้เป็นผู้มีสติปัญญาตามความหมายที่แท้.

ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขออวยพรให้บัณฑิตทุกคน
และทุกท่านที่มาประชุมพร้อมกันในพิธีนี้ มีความสุขสวัสดี และความสำเร็จในสิ่งอัน
พึงปรารถนาทุกประการ.

93