วันพุธ ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ.2563

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ.2563

ข่าวในพระราชสำนัก
พระบรมมหาราชวัง
วันพุธ ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๓

วันนี้ เวลา ๑๗.๓๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค ๗ และศาลจังหวัดนครปฐม ณ อาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค ๗ และศาลจังหวัดนครปฐม อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงศาลากลางจังหวัดนครปฐม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จขึ้นลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงวางพุ่มดอกไม้ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะ จากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค ๗ และศาลจังหวัดนครปฐม อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง เสด็จเข้าพลับพลาพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุด ธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธนวราชบพิตร ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จากนั้น พระราชทาน พระบรมราชวโรกาสให้ นายประกอบ ลีนะเปสนันท์ อธิบดีผู้พิพากษาภาค ๗ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหนังสือที่ระลึกแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นางชลฎา ลีนะเปสนันท์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค ๗ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหนังสือที่ระลึกแด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา กราบบังคมทูลรายงาน และขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคาร ที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค ๗ และศาลจังหวัดนครปฐม จากนั้น เสด็จออกจากพลับพลาพิธีไปยังมณฑลพิธีวางศิลาฤกษ์ ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมแผ่นอิฐ ทอง นาก เงิน และแผ่นศิลาฤกษ์ แล้วทรงวางลงในเบ้า พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังแท่นพิธี ทรงกดปุ่มไฟฟ้า เปิดแพรคลุมป้าย “อาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค ๗ และศาลจังหวัดนครปฐม” พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ เสร็จแล้ว เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม ถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ต่อจากนั้น พระราชทานพระบรม ราชวโรกาสให้ นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กราบบังคมทูล เบิกผู้มีอุปการคุณแก่ศาลศาลอุทธรณ์ภาค ๗ และศาลจังหวัดนครปฐม เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานของที่ระลึก ตามลำดับ จากนั้น นายสุพจน์ กิตติรักษนนท์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค ๗ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงิน โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย นายชูตระกูล ศรีศักดา ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครปฐม เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแผ่นศิลาเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธยในแผ่นศิลา เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปยังห้องรับรอง ทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธยในสมุดเยี่ยม เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระดำเนินไปยังศาลากลางจังหวัดนครปฐม เพื่อทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ

/ศาลอุทธรณ์…

– ๒ –

ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ มีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีครอบคลุมพื้นที่ ๘ จังหวัดภาคกลางตอนล่าง
ได้แก่ จังหวัดนครปฐม จังหวัดราชบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดสมุทรสงคราม สำหรับศาลจังหวัดนครปฐม มีเขตอำนาจการพิจารณาคดี ในท้องที่จังหวัดนครปฐม รวม ๗ อำเภอ คือ อำเภอกำแพงแสน อำเภอดอนตูม อำเภอนครชัยศรี อำเภอบางเลน อำเภอ พุทธมณฑล อำเภอเมืองนครปฐม และอำเภอสามพราน โดยมุ่งเน้นการเป็นหน่วยงานที่อำนวยความยุติธรรม เพื่อให้สังคมไทยมีความสงบสุข เป็นธรรม และเสมอภาค สืบสานตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ที่มีพระราชประสงค์ให้ประเทศชาติมีความมั่นคง และประชาชนทุกหมู่เหล่ามีความสุขอย่างยั่งยืน
ในวันเดียวกันนี้ เวลา ๑๕.๒๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
โปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปพระราชทานประกาศนียบัตร และรางวัลเรียนดีแก่นักเรียนระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และประกาศนียบัตรวิชาชีพ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๒ ณ ศาลาผกาภิรมย์ โรงเรียนจิตรลดา
อนึ่ง เมื่อวันอังคาร ที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เวลา ๑๔.๔๓ น. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จไปทอดพระเนตร การทำงานของหน่วยแพทย์เคลื่อนที่มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่โปรดให้ไปตรวจรักษา ผู้เจ็บป่วย ในโอกาสที่เสด็จไปทรงเยี่ยม และพระราชทานสิ่งของแก่ราษฎร ณ โรงเรียนประจวบวิทยาลัย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในโอกาสนี้ โปรดให้นักศึกษาคณะแพทยศาสตร์และ การสาธารณสุข ชั้นปีที่ ๑ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่วมปฏิบัติงาน ในการตรวจรักษาผู้เจ็บป่วย เพื่อให้มีโอกาสเรียนรู้จากการลงพื้นที่จริง มีจิตสาธารณะ บำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศในอนาคต นอกจากนี้ ยังโปรดให้นักวิจัยจากสถาบัน วิจัยจุฬาภรณ์ไปรวบรวมข้อมูลพื้นฐานของผู้ป่วย เพื่อนำไปวิเคราะห์ถึงปัญหาของการเกิดโรคต่าง ๆ ต่อไป โดยมีผู้มาขอรับบริการตรวจโรคและทันตกรรม รวม ๑๒๗ คน นอกจากนี้ มีเจ้าของสัตว์เลี้ยง จำนวน ๒๗ คน มาขอรับบริการคำปรึกษา และเวชภัณฑ์จากหน่วยสัตวแพทย์อาสาจุฬาภรณ์ ที่ออกหน่วยร่วมกับสำนักงาน ปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในการนี้ ทรงเยี่ยมผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจรั่ว โรคมะเร็ง หลังโพรงจมูก โรคเท้าช้าง โรคกระเพาะปัสสาวะทำงานผิดปกติ โรคท้าวแสนปม และโรคมะเร็งที่ปมประสาท โดยทรงซักถามถึงอาการ การรักษาของแพทย์ กับมีพระวินิจฉัยร่วมกับคณะแพทย์ และโปรดให้ส่งไปรักษายังโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และพระราชทานเงินค่าเดินทาง กับค่าใช้จ่ายในครอบครัว จากนั้น พระราชทานถุงพระราชทานแก่ผู้แทนเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน เพื่อดูแลประชาชนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรือโรคโควิด-๑๙ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ พร้อมกับพระราชทานเข็มเครื่องหมายกรรมการและอนุกรรมการ เข็มเครื่องหมาย พอ.สว. เข็มพระนามาภิไธย สว. และโล่ แก่ผู้แทนกรรมการ และอนุกรรมการ ทั้งนี้ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นจังหวัดแพทย์อาสา ลำดับที่ ๑๕ เมื่อปี ๒๕๑๒ โอกาสนี้ มีพระดำรัส เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและเป็นแนวทางปฏิบัติหน้าที่แก่สมาชิก พอ.สว. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ด้วย