วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2559

วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2559

ข่าวในพระราชสำนัก
พระบรมมหาราชวัง
วันอังคาร ที่ ๑๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙
วันนี้ เวลา ๐๗.๕๓ น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากวังสระปทุม ไปยังท่าอากาศยานกองบัญชาการกองทัพอากาศ ดอนเมือง เพื่อประทับเครื่องบิน
พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดนครพนม ระหว่างวันที่ ๑๓ – ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๙
ในโอกาสนี้ ประทับแรม ณ เรือนรับรองที่ประทับ สำนักชลประทานที่ ๖ อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น
เวลา ๐๙.๕๑ น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๘ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราโชวาท
ความว่า ผู้สำเร็จการศึกษาเป็นบัณฑิตแล้ว ย่อมมีความรู้ในระดับสูง และมีความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะใช้ความรู้
เพื่อทำงานสร้างตัวสร้างฐานะ สร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่ตนแก่ส่วนรวม แต่การนำความรู้ไปใช้ให้สำเร็จผล
ตามความมุ่งหมายนั้น ยังมีสิ่งที่ทุกคนต้องศึกษาเพิ่มเติมให้ถ่องแท้อีกอย่างน้อย ๒ ประการ ประการหนึ่ง
คือต้องศึกษางานที่ทำ เพื่อให้ทราบว่าควรนำความรู้ข้อใดมาปรับใช้ให้เหมาะสม อีกประการหนึ่งคือต้องศึกษา
คนที่ทำงานร่วมกัน ซึ่งมีพื้นฐานความรู้ความคิดที่แตกต่างหลากหลาย เพื่อให้ทราบว่าควรประสานความรู้
ความคิดกันอย่างไร ให้สามารถนำไปใช้ในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอให้บัณฑิตทั้งหลายผู้จะออก
ไปประกอบอาชีพการงาน ตั้งใจพยายามศึกษางานและเพื่อนร่วมงานให้เข้าใจกระจ่าง จะได้นำความรู้
ไปใช้ปฏิบัติงานให้บรรลุผลสมบูรณ์ได้ดังประสงค์
เวลา ๑๓.๐๓ น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน
โดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปทรงเปิด “อาคารอัสสัมชัญ” กับทอดพระเนตรนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ ๖๐ พรรษา
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ณ โรงเรียนอัสสัมชัญอุบลราชธานี อำเภอเมืองอุบลราชธานี
จังหวัดอุบลราชธานี
ในวันเดียวกันนี้ เวลา ๑๕.๐๕ น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านภูดานกอย อำเภอปทุมราชวงศา
จังหวัดอำนาจเจริญ
ซึ่งเมื่อวันที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๗ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราช
กระแสรับสั่งให้ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนให้ตำรวจตระเวนชายแดนสำรวจพื้นที่ห่างไกลในถิ่น-
ทุรกันดารที่ยังไม่มีการจัดตั้งโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อให้การศึกษากับเด็ก เยาวชนและประชาชน
ในพื้นที่ โดยกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ ๒๒ ได้สำรวจพื้นที่บ้านภูดานกอย ที่อยู่ห่างจากอำเภอ / ปทุมราชวงศา …
– ๒ –

๑๕ กิโลเมตร และห่างจากศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ ๔๕ กิโลเมตร จัดตั้งศูนย์การเรียน ฯ โดยมีชาวบ้าน
ร่วมก่อสร้างอาคารเรียนชั่วคราว ๑ หลัง ๔ ห้องเรียน และอาคารประกอบต่าง ๆ ในพื้นที่บริจาคของชุมชนและ
เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ปัจจุบันเปิดสอนตั้งแต่ระดับปฐมวัยถึงประถมศึกษาปีที่ ๔
มีนักเรียน ๗๐ คน ครู ๑๑ นาย เปิดสอนตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ และตามโครงการพระราชดำริ ๗
โครงการ จากนั้น ทอดพระเนตรกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ที่กำลังสำรวจพันธุ์ไม้ที่อยู่ใกล้โรงเรียน ส่วนมากเป็นไม้เต็ง ไม้รัง ไม้มะค่า การสาธิตการทำผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่งเสริมการทอเสื่อกก โดยมีชาวบ้าน
ในชุมชนมาช่วยสอน กิจกรรมสหกรณ์ จัดตั้งร้านค้าคุณธรรม สอนให้นักเรียนรู้จักระเบียบวินัย เข้าแถวซื้อสินค้า
โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน มีหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาส่งเสริมสนับสนุนการปลูกพืชผักสวนครัว การเลี้ยงปลา
การเลี้ยงไก่ไข่ เป็ด สุกร ผลิตปุ๋ยหมักสูตรพระราชทาน ผลผลิตที่ได้ไม่เพียงพอต่อการประกอบอาหารกลางวัน
เนื่องจากสระน้ำมีลักษณ์เป็นชั้นหินดานเกิดการรั่วไม่สามารถเก็บกักน้ำได้ จึงแก้ไขด้วยการจัดทำบ่อซีเมนต์เพื่อพักน้ำ ก่อสร้างหอถังพักน้ำ ขนาดความจุ ๑๐,๐๐๐ ลิตร จำนวน ๑ แห่ง เพื่อใช้กับแปลงเกษตรและปรับปรุงระบบสูบน้ำ
เป็นแบบไฟฟ้า ทั้งนี้ กรมวิชาการเกษตร ร่วมกับศูนย์การเรียน ฯ และชาวบ้าน ได้จัดทำแปลงเรียนรู้การปลูกพืช
ผสมผสานแบบมีส่วนร่วมของศูนย์การเรียน ฯ และชุมชนในโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน เพื่อเรียนรู้การปลูกพืช
ผักสวนครัว การเพาะเห็ด ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต การบำรุงรักษา การเก็บผลผลิต นำกลับไปปรับใช้ที่บ้านตนเอง
โดยผลผลิตที่ร่วมกันทำใช้ในโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันภายในศูนย์การเรียนฯ เมื่อเหลือจำหน่าย
ในชุมชนและนำเงินเข้าระบบสหกรณ์ของศูนย์การเรียน ฯ สมควรแก่เวลาจึงเสด็จพระราชดำเนินกลับ