วันอังคาร ที่ ๒๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑
วันนี้ เวลา ๑๕.๐๕ น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งพร้อมด้วยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงวางพวงมาลา ณ พระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระลานพระราชวังดุสิต
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระลานพระราชวังดุสิต สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพวงมาลาส่วนพระองค์ และของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบ จากนั้น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงวางพวงมาลาทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบ แล้วประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน ในวัน “ปิยมหาราช” ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวีและพระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา ซึ่งประดิษฐานที่พระที่นั่งบุษบกมาลา ทรงกราบทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะ และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย กราบถวายบังคมพระบรมอัฐิและพระอัฐิ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี และพระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา ซึ่งประดิษฐานที่พระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วประทับพระราชอาสน์ พระสงฆ์ ๕๗ รูป สวดพระพุทธมนต์ จบแล้ว พระพรหมมุนี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ขึ้นนั่งบนธรรมาสน์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนดูหนังสือเทศน์พระราชทานแก่เจ้าพนักงานพระราชพิธี เชิญไปปักที่จงกลธรรมาสน์ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทรงธรรม จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยที่หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร สำหรับพระบรมอัฐิและพระอัฐิ ทรงธรรม แล้วประทับพระราชอาสน์ ทรงศีล พระพรหมมุนี ถวายศีลและถวายพระธรรมเทศนา จบแล้ว ลงมานั่งยังอาสน์สงฆ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมบูชากัณฑ์เทศน์ แล้วประทับพระราชอาสน์ เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์ที่สวดพระพุทธมนต์และถวายพระธรรมเทศนา ขึ้นนั่งยังอาสน์สงฆ์ พร้อมแล้ว ลาดพระภูษาโยง จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปทรงทอดผ้าไตร ๑๘ ไตร (เที่ยวแรก) แล้วประทับพระราชอาสน์ พระสงฆ์ที่สวดพระพุทธมนต์และถวายพระธรรมเทศนา สดับปกรณ์พระบรมอัฐิและพระอัฐิ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เจ้าพนักงานนิมนต์พระสงฆ์อีกเที่ยวละ ๒๐ รูป จำนวน ๒ เที่ยว จบแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงทอดผ้าไตร พระสงฆ์สดับปกรณ์
ทรงปฏิบัติเช่นนี้จนครบ ๒ เที่ยว เสร็จแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบพระพุทธรูปประจำพระชนมวารที่หน้าพระที่นั่งบุษบกมาลา แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบถวายบังคมพระบรมอัฐิและพระอัฐิที่หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วเสด็จออกจากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ
เวลา ๑๗.๔๒ น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระราชวโรกาสให้ คณะบุคคลต่าง ๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ตามลำดับดังนี้
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี นำ นายอำพน กิตติอำพน
พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท และพลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นองคมนตรี เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่งหน้าที่
นายอันเดลโฟ โฆเซ การ์เซีย กอนซาเลซ (Mr. Andelfo Jose Garcia Gonzalez) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโคลอมเบียประจำประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลลา
ในโอกาสที่พ้นจากตำแหน่งหน้าที่
ในโอกาสนี้ นางอัสตริด อามายา เด การ์เซีย (Mrs. Astrid Amaya de Garcia) ภริยาเอกอัครราชทูต ฯ ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำ ตุลาการศาลทหารสูงสุด ตุลาการศาลทหารกลาง และตุลาการพระธรรมนูญศาลทหารชั้นต้น เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่งหน้าที่
ในโอกาสนี้ พลเรือเอก ปรีชาญ จามเจริญ เจ้ากรมพระธรรมนูญ และพลโท ประชาพัฒน์ วัจนะรัตน์ หัวหน้าสำนักตุลาการทหารและตุลาการพระธรรมนูญหัวหน้าศาลทหารสูงสุด ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย
เวลา ๑๕.๕๗ น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๐ ณ อาคารจักรพันธ์เพ็ญศิริ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เป็นวันที่ ๓
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระราชทานพระโอวาท ความว่า เมื่อสองวันที่ผ่านมา ได้กล่าวแก่บัณฑิตในที่ประชุมนี้ ให้ทุกคนสร้างเสริมเพิ่มพูนความรู้ทั้งด้านลึกด้านกว้าง และสร้างสมอบรมคุณธรรมให้เจริญงอกงามควบคู่กัน ในวันนี้ ใคร่จะกล่าวต่อไปว่า ความตั้งใจจริง เป็นคุณธรรมประการหนึ่งที่สำคัญมาก เพราะทำให้คนเรามีความมุ่งมั่นที่จะกระทำการทุกอย่างให้สำเร็จผลที่ดี ที่ถูกต้อง ที่เป็นประโยชน์แท้ โดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคปัญหาใด ๆ บัณฑิตผู้ปรารถนาความสำเร็จในการประกอบอาชีพการงาน จึงควรฝึกตนให้เป็นผู้มีความตั้งใจจริง
ในวันเดียวกันนี้ เวลา ๐๘.๕๕ น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเรือเอก พงษ์เทพ หนูเทพ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ ไปวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ
อนึ่ง เมื่อวันจันทร์ ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๑ เวลา ๐๘.๓๒ น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากโรงแรมมณีจันท์ รีสอร์ท อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ไปทรงวางศิลาฤกษ์สวนพฤกษศาสตร์ป่าชายเลนนานาชาติ ร.๙ อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ ต่อยอดมาจาก “โครงการพลิกฟื้นคืนป่าชายเลนสู่ธรรมชาติ” จากผลการดำเนินงานโครงการดังกล่าว ทำให้ป่าชายเลนที่มีสภาพเสื่อมโทรมกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง และเพื่อขยายผลให้เกิดความยั่งยืน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จึงร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดทำสวนพฤกษศาสตร์ป่าชายเลน ซึ่งเป็นแห่งแรกของโลกขึ้น เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และสืบสานงานด้านการอนุรักษ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ รวมทั้งเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ ศึกษาวิจัย และท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ตลอดจนเป็นศูนย์เครือข่ายในการอนุรักษ์พรรณไม้ป่าชายเลน โอกาสนี้ ทอดพระเนตรนิทรรศการ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร กับป่าชายเลน โครงการพลิกฟื้นคืนป่าชายเลนสู่ธรรมชาติ ความเป็นมาของสวนพฤกษศาสตร์ป่าชายเลนนานาชาติ ร.๙ นิทรรศการป่าชายเลนในประเทศไทย ซึ่งจัดแสดงพื้นที่ป่าชายเลนในประเทศและพรรณไม้ป่าชายเลน และนิทรรศการป่าชายเลนโลก
เวลา ๐๙.๔๖ น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากสวนพฤกษศาสตร์ป่าชายเลนนานาชาติ ร.๙ ไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว ค่ายตากสิน อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี เพื่อประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังกองการบินทหารเรือ สนามบินอู่ตะเภา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ ๒๒ – ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๑ ในโอกาสนี้ ประทับแรม ณ หมู่บ้านสัมมากร อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
เวลา ๑๒.๕๘ น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สาขาล้านนา) อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ซึ่งจัดสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ทำการของสมาคม ฯ รวมทั้งเป็นศูนย์ให้บริการและถ่ายทอดความรู้ด้านต่าง ๆ แก่สถาปนิก นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ที่สนใจด้านสถาปัตยกรรม โดยการออกแบบอาคารมีแนวคิดมาจากรูปแบบการดำรงชีวิตของชาวล้านนา ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ภายในอาคาร ฯ ประกอบด้วย สำนักงาน ห้องสมุด ศาลาอเนกประสงค์ ห้องประชุม และลานกิจกรรม โอกาสนี้ ทอดพระเนตรนิทรรศการประวัติ ๑๕๐ ปี ความสัมพันธ์ไทย – อิตาลี ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของไทยและอิตาลี ผ่านการสร้างสรรค์งานสถาปัตยกรรมเมื่อครั้งที่นายช่างชาวไทยและชาวอิตาลี ร่วมกันบูรณะซ่อมแซมพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และเทคนิคเชิงช่างระหว่างสองประเทศที่ผสานเข้ากันได้อย่างสวยงาม
ในวันเดียวกันนั้น เวลา ๑๔.๐๗ น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดนิทรรศการถาวรหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ ณ หอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจัดแสดงเนื้อหาเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา ประเพณี ศิลปวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ร่วมกันในดินแดนล้านนา แบ่งเป็นนิทรรศการถาวร ๑๕ ห้องเช่น ห้อง “เชียงใหม่วันนี้” จัดแสดงวีดิทัศน์ภาพรวมของเมืองเชียงใหม่ในปัจจุบัน ห้อง “ก่อนจะเป็นเมืองเชียงใหม่” จัดแสดงร่องรอยอารยธรรมยุคก่อนประวัติศาสตร์ในดินแดนล้านนา ห้อง “สร้างบ้านแปงเมือง” จัดแสดงที่มาของการตั้งเมืองเชียงใหม่ ห้อง “สิ่งดีงามของเมืองเชียงใหม่” จัดแสดงเอกลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี พิธีกรรม งานศิลปหัตถกรรม ร่องรอยการตั้งถิ่นฐาน และสถาปัตยกรรมที่แสดงถึงความรุ่งเรืองของเมืองเชียงใหม่ ห้อง “เจ้าหลวงเชียงใหม่” จัดแสดงพระรูปของเจ้าหลวงเมืองเชียงใหม่ ห้อง “คนในเวียง” จัดแสดงวิถีชีวิตของคนในเมืองเชียงใหม่ ที่มีผู้คนหลากหลายอาชีพและวัฒนธรรม มีการจำลองบ้านเรือน
และตลาดท้องถิ่น เป็นต้น สมควรแก่เวลา จึงเสด็จพระราชดำเนินกลับที่ประทับแรม ณ หมู่บ้านสัมมากร อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่