วันอังคาร ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2565

วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2565

ข่าวในพระราชสานัก
พระบรมมหาราชวัง
วันอังคาร ที่ ๑๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
วันนี้ เวลา ๑๗.๐๑ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดาเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงบวงสรวงพระหลักเมือง เนื่องในโอกาสกรุงรัตนโกสินทร์ครบ ๒๔๐ ปี ณ ศาลหลักเมือง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
เมื่อเสด็จพระราชดาเนินถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จเข้าหอพระพุทธรูป ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธรูปประจาหอพระ ทรงกราบ จากนั้น เสด็จเข้าศาลเทพารักษ์ ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี เจ้าหอกลอง และเจ้าเจตคุปต์ ทรงกราบ แล้วเสด็จเข้าศาลหลักเมือง ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะพระหลักเมือง ทรงกราบ ต่อจากนั้น เสด็จพระราชดาเนินไปยังมณฑลพิธีบวงสรวงพระหลักเมือง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดเทียนทอง เทียนเงิน และธูป ที่โต๊ะเครื่องบวงสรวงสังเวย แล้วทรงจุดธูปหางปักที่เครื่องบวงสรวงสังเวย และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปหางปักที่เครื่องบวงสรวงสังเวย และทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย โหรหลวงลั่นฆ้องชัย พราหมณ์เป่าสังข์ พนักงานภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ ชาวพนักงานประโคมแตร ดุริยางค์ เสร็จแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมให้ พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ อ่านประกาศบวงสรวงพระหลักเมือง จากนั้น เสด็จพระราชดาเนินไปยังโต๊ะเครื่องบวงสรวงสังเวย ทรงโปรยดอกไม้ที่โต๊ะเครื่องบวงสรวงสังเวย ทรงกราบ แล้วเสด็จเข้าศาลหลักเมือง ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม ทรงปิดทอง และทรงผูกผ้าสีชมพูที่เสาพระหลักเมือง รัชกาลที่ ๑ เสร็จแล้วทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม ทรงปิดทอง และทรงผูกผ้าสีชมพูที่เสาพระหลักเมือง รัชกาลที่ ๔ ทรงกราบ สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดาเนินกลับ
ศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร สร้างขึ้นเมื่อปี ๒๓๒๕ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีพระราชพิธียกเสาหลักเมือง เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๓๒๕ เป็นเสาไม้ชัยพฤกษ์ มีไม้แก่นจันทน์ประกับนอก ยอดเสาเป็นรูปบัวตูม ณ ชัยภูมิใจกลาง พระนครใหม่ พระราชทานนามว่า “กรุงรัตนโกสินทร์อินท์อโยธยา” หรือเรียกกันต่อมาว่า “กรุงเทพมหานคร” และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างศาลประดิษฐานรูปเทพารักษ์สาคัญ คือ ศาลพระเสื้อเมือง ศาลพระทรงเมือง ศาลพระกาฬไชยศรี ศาลเจ้าเจตคุปต์ และศาลเจ้าหอกลอง ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ผูกดวงพระชะตาพระนครขึ้นใหม่ และเชิญแผ่นทองคาจารึกดวงพระชะตาบรรจุที่ยอดเสาหลักเมือง และ ประกอบพิธีบวงสรวงเสาพระหลักเมืองต้นใหม่ เป็นเสาไม้สักเป็นแกนอยู่ภายในประกับด้วยไม้ชัยพฤกษ์ ยอดเสาเป็นยอดเม็ดทรงมัณฑ์ ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมให้มีการปรับปรุงพระนครครั้งใหญ่ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้อัญเชิญ เทพารักษ์ทั้ง ๕ ศาล มาประดิษฐานรวมกันไว้ในศาลหลักเมือง และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระราชดาเนินไปในการพระราชพิธีสังเวยสมโภชพระหลักเมือง เมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๑๓ โดยกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานศาลหลักเมือง เมื่อวันที่ ๒๑
/ พฤษภาคม …
– ๒ –
พฤษภาคม ๒๕๑๘ เนื่องจากเป็นโบราณสถานที่มีความสาคัญทางประวัติศาสตร์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนชาวไทย
ในโอกาสงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๒๐๐ ปี เมื่อปี ๒๕๒๕ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการพระราชพิธีสมโภชศาลหลักเมือง และทรงบาเพ็ญพระราชกุศลบวงสรวงเทพารักษ์ ณ ศาลหลักเมือง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่พระนครตามโบราณราชประเพณี และเสด็จพระราชดาเนินไปในการพระราชพิธีสมโภชหลักเมือง ณ ศาลหลักเมือง เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๒๕ ซึ่งต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะทรงดารงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์การดาเนินการปรับปรุงศาลหลักเมือง ทั้งยังเสด็จพระราชดาเนินไปทอดพระเนตรการบูรณะปรับปรุงศาลหลักเมือง พร้อมทั้งพระราชทานคาแนะนา ด้วยความใส่พระราชหฤทัย และเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๒๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดาเนิน ไปทรงประกอบพิธีอัญเชิญเทพารักษ์ขึ้นประดิษฐาน ณ ศาลเทพารักษ์ บริเวณศาลหลักเมือง ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๒๙ ได้เสด็จพระราชดาเนินไปทรงยกนภศูลขึ้นประดิษฐาน ณ ยอดปรางค์ของอาคารศาลหลักเมือง ทั้งนี้ เมื่อการบูรณปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระราชดาเนินไปทรงประกอบพิธีสมโภชพระหลักเมือง ณ ศาลหลักเมือง เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๒๙
อนึ่ง ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดาเนินไปถวายราชสักการะศาลหลักเมือง เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๒ ตามโบราณราชประเพณี และในโอกาสกรุงรัตนโกสินทร์ครบ ๒๔๐ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดาเนินไปทรงบวงสรวงพระหลักเมือง ณ ศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร เพื่อความเป็นสิริมงคล และเพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยประสบความสุข ความเจริญรุ่งเรืองวัฒนาถาวรสืบไป
เวลา ๑๗.๔๙ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี
เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ เอกอัครราชทูตต่างประเทศประจาประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลลา ในโอกาสที่จะพ้นจากหน้าที่ ตามลาดับดังนี้
– นายแอลลัน เจมส์ มักคินนัน (Mr. Allan James Mckinnon) เอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลีย ประจาประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลลา ในโอกาสที่จะพ้นจากหน้าที่
– นายมาเร็ก ลิบชีตซกี (Mr. Marek Libický) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเช็กประจาประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลลา ในโอกาสที่จะพ้นจากหน้าที่
เวลา ๑๓.๑๕ น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดาเนิน ไปทอดพระเนตรกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ของคณะครูและนักเรียนโรงเรียนนวมราชานุสรณ์ และโรงเรียนมัธยมศึกษา ในพื้นที่จังหวัดนครนายก ณ โรงเรียนนวมราชานุสรณ์ อาเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก
/ ในวันเดียวกันนี้ …
– ๓ –
ในวันเดียวกันนี้ เวลา ๑๓.๓๘ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เสด็จแทนพระองค์ ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สาเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ ประจาปีการศึกษา ๒๕๖๓ ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ อาเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นวันที่ ๑
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระราชทานพระโอวาท ความว่า บัณฑิตทั้งหลายเป็นทรัพยากรบุคคลที่ทรงคุณค่าของประเทศ เพราะจะต้องเป็นกาลังสาคัญ ในการสร้างสรรค์จรรโลงความเจริญมั่นคงของชาติบ้านเมือง การที่จะประกอบอาชีพการงาน ตลอดจนปฏิบัติแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้บังเกิดผลเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองได้นั้น แต่ละคนต้องมีความขยันหมั่นเพียรและซื่อสัตย์สุจริต พร้อมทั้งขวนขวายศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ ข้อสาคัญ ขอให้ทุกคนน้อมนาพระราชปณิธาน ของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ที่ว่า “ขอให้ถือผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง” มายึดถือเป็นหลักในการดาเนินชีวิตและการทางาน ถ้ามุ่งมั่นปฏิบัติให้ได้ดังนี้ บัณฑิตก็จะสามารถสร้างสรรค์ประโยชน์และความเจริญยั่งยืน ให้แก่ชาติบ้านเมืองได้ อย่างแท้จริง