วันอังคาร ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2564

วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2564

ข่าวในพระราชสำนัก
พระบรมมหาราชวัง
วันอังคาร ที่ ๒๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔

วันนี้ เวลา ๑๖.๕๔ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ คณะบุคคลต่าง ๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ตามลำดับดังนี้
– นายชาญชัย แสวงศักดิ์ ประธานศาลปกครองสูงสุด นำ ตุลาการศาลปกครองชั้นต้น เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
ในการนี้ นางสมฤดี ธัญญสิริ รองเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง รักษาการในตำแหน่ง
เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง และนางสาวสุรางคณา หิรัญวัฒนสิน ที่ปรึกษาสำนักงานศาลปกครอง
ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย
ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัส ความว่า ตุลาการ ศาลปกครองนั้น เป็นตำแหน่งหน้าที่ที่มีภารกิจกว้างขวาง เพราะเกี่ยวข้องกับทุกส่วนทุกฝ่ายของประเทศ ทั้งข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และประชาชน คำปฏิญาณที่ท่านกล่าว ว่าจะปฏิบัติหน้าที่โดยปราศจาก อคติทั้งปวง จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการที่จะอำนวยความยุติธรรม ให้แก่ทุกคนทุกฝ่ายได้อย่างแท้จริง และโดยสม่ำเสมอนั้น จำเป็นต้องอาศัยวิจารณญาณอันบริสุทธิ์ ปลอดพ้นจากอคติโดยประการต่าง ๆ ไม่ว่าจะ ด้วยความชอบ ความชัง ความขลาด หรือความเขลา ท่านทั้งหลายมีทั้งความรู้ในตัวบทกฎหมาย ทั้งความสามารถ ที่จะทำงานในตำแหน่งหน้าที่นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความตั้งใจ ที่จะปฏิบัติหน้าที่โดยเต็มกำลังความรู้ความสามารถอยู่แล้ว หากแต่ละคนจะได้ยึดถือคำปฏิญาณไว้ให้เหนียวแน่น แล้วปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเที่ยงตรงเป็นกลาง พิจารณาเรื่องราวทุกอย่างอย่างถูกต้องตามเหตุตามผล ก็เชื่อได้ว่าจะมีความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ อันจะส่งผลให้ประเทศชาติและประชาชน มีความผาสุกมั่นคงพร้อมทุกส่วน
– ศาสตราจารย์เกียรติยศ นายแพทย์สงคราม ทรัพย์เจริญ ประธานกรรมการมูลนิธิ
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร นำ นักการสาธารณสุขดีเด่น ประจำปี ๒๕๖๔ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานรางวัลชัยนาทนเรนทร ดังนี้
๑. นายแพทย์อุทัย สุดสุข นักการสาธารณสุขดีเด่นประเภทบริหาร
๒. นายแพทย์สมจิตต์ ชี้เจริญ นักการสาธารณสุขดีเด่นประเภทบริการ
๓. แพทย์หญิงนฤมล สวรรค์ปัญญาเลิศ นักการสาธารณสุขดีเด่นประเภทวิชาการ
๔. นายสมร สอนจันทร์ นักการสาธารณสุขดีเด่นประเภทผู้นำชุมชน
๕. นายนฤชิต แสงเทียนท์ นักการสาธารณสุขดีเด่นประเภทประชาชน
ในโอกาสนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กับคณะกรรมการมูลนิธิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และคณะกรรมการรางวัล ชัยนาทนเรนทร ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย
– นายแพทย์สมยศ ดีรัศมี ประธานมูลนิธิกาญจนบารมี พร้อมกรรมการและที่ปรึกษาของมูลนิธิ ฯ
นำ ผู้บริหารการท่าเรือแห่งประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายรถเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ประสิทธิภาพสูง ๒ มิติ (2D Full Field Digital Mammography) พร้อมอุปกรณ์ จำนวน ๑ คัน
/ในโอกาสครบ …
– ๒ –

ในโอกาสครบ ๗๐ ปี การท่าเรือแห่งประเทศไทย พุทธศักราช ๒๕๖๔ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานรถเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ดังกล่าวแก่มูลนิธิกาญจนบารมี เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิ ฯ และโรงพยาบาลมหาวชิราลงกรณธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
มูลนิธิกาญจนบารมี เป็นมูลนิธิที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ให้จัดตั้งขึ้นเมื่อพุทธศักราช ๒๕๔๐ เพื่อสนับสนุนการทำงานของโรงพยาบาลมหาวชิราลงกรณธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ที่สนับสนุนการป้องกันโรคมะเร็งภายในประเทศ และด้วยทรงเล็งเห็นถึงปัญหาของการเข้าถึง บริการการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมของสตรีทั่วไป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มูลนิธิ ฯ
จัดทำโครงการ “คัดกรองมะเร็งเต้านมเคลื่อนที่ด้วยเครื่องเมมโมแกรม ให้กับสตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาสในชนบท
ทั่วประเทศ” ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๕๗ เป็นต้นมา ซึ่งมะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในสตรีทั่วโลก
สาเหตุของการเกิดโรคยังไม่สามารถระบุชี้ชัดได้ แต่มักเกิดขึ้นโดยสัมพันธ์กับปัจจัยเสี่ยงอื่น ได้แก่ อายุที่มากขึ้น
บุคคลในครอบครัวมีประวัติเคยเป็นโรคมะเร็งเต้านมมาก่อน รวมถึงการมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ดื่มสุรา สูบบุหรี่
ขาดการออกกำลังกาย ในการป้องกันโรคนี้ที่ดีที่สุด คือ การค้นหาหรือวินิจฉัยได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก จะสามารถ
รักษาโรคนี้ให้หายขาดได้เกือบทั้งหมด ซึ่งมีวิธีการค้นหาได้ ๒ วิธี ประกอบด้วย การตรวจเต้านมด้วยตนเอง
หรือโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์เต้านมแบบเมมโมแกรม
รถเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ประสิทธิภาพสูง ๒ มิติ (2D Full Field Digital Mammography) นี้ ประกอบด้วย เครื่องเอกซเรย์เต้านมระบบดิจิทัลประสิทธิภาพสูง ๒ มิติ สามารถมองเห็นภาพเนื้อเยื่อ และความผิดปรกติของเต้านมได้อย่างชัดเจน และเครื่องอัลตราซาวด์ ชนิดสี ความถี่สูงขนาดใหญ่ สามารถค้นหารายละเอียดความผิดปรกติของเต้านมเพิ่มเติมได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งระบบพิเศษ ได้แก่ ติดตั้งโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ หรือ “เอไอ” (AI) ช่วยค้นหาและชี้เป้าความผิดปรกติของเต้านมแก่แพทย์ผู้ตรวจ
ติดตั้งระบบจัดเก็บและระบบรับส่งข้อมูลภาพเต้านมไว้ที่ระบบคลาวด์ เซิร์ฟเวอร์ (Cloud Server) ผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ต ระบบ 5G เพื่อให้แพทย์สามารถดึงข้อมูลภาพมาดูได้ตลอดเวลา และติดตั้งลิฟต์ สำหรับยกเก้าอี้ล้อเข็น
ผู้พิการและผู้สูงอายุ ให้ขึ้นตรวจบนรถได้โดยไม่ต้องขึ้นบันได เพื่อให้สามารถเข้าถึงบริการได้โดยง่าย
ทั้งนี้ รถเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ประสิทธิภาพสูง ๒ มิติดังกล่าว จะได้ใช้ในการออกหน่วยปฏิบัติงาน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในขบวนรถหน่วยคัดกรองมะเร็งเต้านมเคลื่อนที่ของมูลนิธิ ฯ ใน ๑ หน่วย ประกอบด้วย รถเอกซเรย์เคลื่อนที่ประสิทธิภาพสูง จำนวน ๒ คัน รถนิทรรศการ จำนวน ๑ คัน และรถสอนตรวจเต้านม โดยแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จำนวน ๑ คัน ที่ผ่านมา ได้ออกหน่วยไปแล้ว ๑,๕๔๔ ครั้ง ใน ๖๘๓ อำเภอทั่วประเทศ (๗๗ จังหวัด) มีจำนวนคนที่มีปัจจัยเสี่ยงได้รับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม และได้รับการสอนและ ฝึกปฏิบัติการตรวจเต้านมด้วยตนเอง รวมถึงเข้าชมนิทรรศการความรู้เรื่องมะเร็งเต้านม จำนวน ๒๕๗,๙๓๒ คน จำนวนผู้เข้ารับบริการที่ได้รับการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์เต้านม (เมมโมแกรม) จำนวน ๔๒,๖๖๖ คน
จำนวนผู้ได้รับการตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวด์ จำนวน ๔๕,๘๒๘ คน ทั้งนี้ สามารถตรวจพบผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ระยะเริ่มแรก จำนวน ๙๗๐ คน และสามารถรักษาให้หายขาดได้เกือบทั้งสิ้น เป็นการให้บริการแก่สตรีกลุ่มเสี่ยง
มะเร็งเต้านม และผู้ด้อยโอกาสที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลให้ได้เข้าถึงการตรวจรักษาโดยง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อไป นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้

/เวลา ๑๗.๔๔ น. …
– ๓ –

เวลา ๑๗.๔๔ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จลง
ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ คณะกรรมการมูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนงานมูลนิธิ ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และคณะครูผู้ดูแลนักเรียนทุน นำ นักเรียนผู้รับทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) รุ่นที่ ๑๓ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๔ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานทุน พร้อมกับนักเรียนทุนการศึกษาพระราชทานดีเด่น รุ่น ๑๐ และครูดีเด่น ประจำปี ๒๕๖๔ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานโล่เชิดชูเกียรติ และนำ คณะนักเรียนทุนพระราชทาน ฯ รุ่นที่ ๔ รุ่นที่ ๕ และรุ่นที่ ๖ ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ในปีการศึกษา ๒๕๖๓ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
และพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นักเรียนทุนพระราชทาน ฯ ที่ได้รับทุนเฉลิมพระเกียรติในโอกาสพระราชพิธี บรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้บรรจุเข้ารับราชการ และรับทุนเฉลิมพระเกียรติ ฯ ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท
ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท ความว่า ตลอดสิบสามปีที่ผ่านมา โครงการทุนการศึกษาได้พัฒนาก้าวหน้ามาอย่างต่อเนื่อง และมีผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจน ด้วยความร่วมแรงร่วมใจและความอุตสาหะพากเพียร ในการปฏิบัติหน้าที่ของทุกฝ่าย ทั้งคณะกรรมการและเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ครูอาจารย์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนักเรียนทุกคน ซึ่งต่างเห็นความสำคัญของการศึกษา และเห็นคุณค่าของการได้รับโอกาสทางการศึกษา หวังว่าทุกคนจะมีความภาคภูมิใจ และตั้งใจพยายามประพฤติตนปฏิบัติงานในหน้าที่ของตน ให้พัฒนาก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้น ผู้ที่เป็นนักเรียนทุน ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ฝึกฝนอบรมตนเอง ให้เป็นคนเก่งที่มีคุณธรรม ผู้สำเร็จการศึกษาแล้ว ตั้งใจประกอบอาชีพการงาน โดยเต็มกำลัง
ความรู้ความสามารถ ด้วยคุณธรรมความสุจริต ตั้งใจประพฤติตนปฏิบัติงาน เป็นข้าราชการที่ดี และพัฒนาตนเองให้พร้อม ไปศึกษาเล่าเรียนในระดับที่สูงขึ้น เพื่อนำประสพการณ์ มาใช้เป็นประโยชน์กับตนเองและประเทศชาติ
โครงการทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้ดำเนินการด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์
และเงินที่ราษฎรทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยเสด็จพระราชกุศล และจัดตั้งมูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้น เรียกโดยย่อว่า ม.ท.ศ. ตั้งแต่ปี ๒๕๕๒ โดยทรงเป็น
องค์ประธานกรรมการมูลนิธิ ที่ผ่านมา มูลนิธิ ฯ ได้จัดสรรทุนพระราชทานไปแล้วกว่า ๕๓๔ ล้านบาท มีนักเรียน
ที่ได้รับทุนพระราชทาน ม.ท.ศ. ไปแล้ว รวม ๑๒ รุ่น จำนวนกว่า ๑,๙๐๐ ราย ได้รับโอกาสในการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จนถึงปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ส่วนใหญ่เรียนในสาขาที่เป็นความต้องการของประเทศ อาทิ สาขาแพทยศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ วิทยาศาสตร์การแพทย์ วิศวกรรมศาสตร์ และครู เป็นต้น ทั้งยังได้รับ
การเพิ่มพูนทักษะการเรียนรู้รอบด้าน ให้มีทักษะอาชีพ ทักษะชีวิต มีทัศนคติที่ดีงาม มีจิตอาสาทำประโยชน์
เพื่อส่วนรวม ปัจจุบัน มีนักเรียนทุนที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีไปแล้ว รวม ๖ รุ่น จำนวนเกือบ ๗๐๐ ราย
ซึ่งร้อยละ ๗๐ ได้กลับไปทำงานในภูมิภาคและจังหวัดที่รับทุน

/สำหรับในปีการศึกษา …
– ๔ –

สำหรับในปีการศึกษา ๒๕๖๔ มีนักเรียนที่ได้รับทุนพระราชทาน ม.ท.ศ. รุ่นที่ ๑๓ จากทุกจังหวัด จำนวน ๑๕๓ ราย ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญ สายอาชีพ และระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ได้รับทุนพระราชทานต่อเนื่อง รวมเงินทุนพระราชทานในปีการศึกษานี้ จำนวนทั้งสิ้น ๗๓,๖๔๗,๗๑๐ บาท (เจ็ดสิบสามล้านหกแสนสี่หมื่นเจ็ดพันเจ็ดร้อยสิบบาทถ้วน) พร้อมกับนักเรียนทุนดีเด่น รุ่นที่ ๑๐ จำนวน ๑๐ ราย ซึ่งเป็นผู้ที่มีผลการเรียนดีเยี่ยม ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี มีทัศนคติที่ถูกต้องดีงาม มีจิตอาสา รวมทั้งครูดีเด่น จากทุกภูมิภาค จำนวน ๘ ราย เป็นครูที่มีความทุ่มเททำหน้าที่ครูเพื่อศิษย์อย่างแท้จริง ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี สมควรแก่การยกย่อง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานโล่เชิดชูเกียรติ รวมทั้งนักเรียนทุนพระราชทาน ฯ รุ่นที่ ๔ รุ่นที่ ๕ และรุ่นที่ ๖ ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ในปีการศึกษา ๒๕๖๓ จำนวน ๑๑๒ ราย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ทั้งนี้ ในปี ๒๕๖๔ เป็นปีแรกที่มีการคัดเลือกนักเรียนทุนพระราชทาน ม.ท.ศ. ที่สำเร็จการศึกษา
ระดับปริญญาตรีตามหลักสูตร ได้รับทุนเฉลิมพระเกียรติในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นทุนที่รัฐบาลโดยสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแด่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒
เป็นทุนการศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ณ สถาบันการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ สำหรับนักเรียนทุนการศึกษาพระราชทาน ม.ท.ศ. ที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ให้ได้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งในปี ๒๕๖๔ นี้
มีนักเรียนผู้รับทุนเฉลิมพระเกียรติ ฯ จำนวน ๑๐ ราย ทุกรายได้รับการบรรจุเข้ารับราชการที่กระทรวงต่าง ๆ
เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ และจะปฏิบัติราชการที่ส่วนกลางเป็นเวลา ๒ ปี จากนั้นจึงไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท
จนสำเร็จการศึกษา แล้วจะกลับไปปฏิบัติราชการในส่วนภูมิภาคและจังหวัดที่รับทุนต่อไป
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ แก่นักเรียนทุนการศึกษาพระราชทาน ม.ท.ศ. ซึ่งนักเรียนทุกคนล้วนมีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมีจิตใจที่มุ่งมั่นในการดำรงตน ถึงพร้อมด้วยความรอบรู้ และความดี พร้อมทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมและประเทศชาติ เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน
เวลา ๑๘.๔๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี
เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร ไปทรงวางพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะ ณ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร
ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ในฐานะเสนาธิการกองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภ รักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ทรงปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับแถวทหารกองเกียรติยศ รับส่งเสด็จ
ในวันเดียวกันนี้ เวลา ๑๗.๒๖ น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากวังสระปทุม ไปในการพระราชทานเพลิงศพ พลเรือเอก สุภา คชเสนี ม.ป.ช.,ม.ว.ม.,ต.จ.ว. ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร