วันเสาร์ ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2564

วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ.2564

ข่าวในพระราชสำนัก
พระบรมมหาราชวัง
วันเสาร์ ที่ ๒๐ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๔

วันนี้ เวลา ๑๕.๒๔ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี
เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ คณะบุคคลต่าง ๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ตามลำดับดังนี้
– นางสาวปิยกุล บุญเพิ่ม ประธานศาลฎีกา นำ ผู้พิพากษาประจำศาล เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
ในการนี้ นายจีระพัฒน์ พันธุ์ทวี เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม นายสิทธิพงศ์ ตัญญพงศ์ปรัชญ์
ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งเลขาธิการประธานศาลฎีกา และนายภีม ธงสันติ เลขาธิการสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย
ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัส ความว่า คนเราเมื่อมาอยู่ร่วมกันเป็นสังคม เป็นประเทศ ย่อมมีความขัดแย้งเกิดขึ้นบ้างเป็นปรกติ ความสงบสุขของประเทศ จึงมิได้เกิดจากการที่ไม่มีความขัดแย้ง แต่อยู่ที่เมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้นคราวใด ก็สามารถคลี่คลายลงได้ด้วยความยุติธรรม
จึงกล่าวได้ว่า ความยุติธรรมเป็นพื้นฐานของความสงบสุข หากปรารถนาจะให้ประเทศมีความสงบสุข ก็ต้องอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน ท่านทั้งหลายผู้เป็นผู้พิพากษา มีหน้าที่โดยตรงในการธำรงรักษาความยุติธรรม
ในแผ่นดิน จึงต้องยึดมั่นในคำปฏิญาณของตนอย่างเคร่งครัด แล้วตั้งใจพิจารณาเรื่องราวข้อขัดแย้งต่าง ๆ ด้วยวิจารณญาณที่ถูกต้อง ในการนี้ ความรู้ในตัวบทกฎหมาย ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ทุกคนก็จำเป็นต้องสำนึกตระหนัก
ด้วยว่า การใช้กฎหมายเพื่อผดุงรักษาความยุติธรรมให้ได้แท้จริงนั้น ต้องใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมตามเหตุตามผล
ตามความเป็นจริง โดยไม่สวนทางกับศีลธรรม จริยธรรม มนุษยธรรม ถ้าทำได้ดังนี้ ท่านก็สามารถรักษาคำปฏิญาณ ที่จะธำรงความยุติธรรม อันเป็นรากฐานสำคัญแห่งความสงบสุขของประเทศ ได้สำเร็จสมบูรณ์
– นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุด นำ อัยการประจำกอง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท
ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
ในการนี้ นายสมศักดิ์ เวทย์วิไล รองอัยการสูงสุด นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ อธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ และนายรมย์ศักย์ ธรรมชัยเดชา เลขานุการอัยการสูงสุด ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย
ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัส ความว่า อัยการทั้งหลาย
เมื่อมาถวายสัตย์ปฏิญาณตน ย่อมมีความตั้งใจแน่วแน่ ที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้สำเร็จผลสูงสุด สมดังคำปฏิญาณ
การจะทำให้ได้ดังที่ตั้งใจนั้น จำเป็นต้องอาศัยทั้งความรู้ ความสามารถ ประสพการณ์ และวิจารณญาณที่ถูกต้อง ประกอบพร้อมกัน ความรู้ จะทำให้แต่ละคนมีความแม่นยำในหลักวิชาและตัวบทกฎหมาย ความสามารถ
จะช่วยให้นำความรู้ไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมถูกต้อง ตามสถานการณ์และความเป็นจริง ประสพการณ์
จะช่วยให้มีทักษะความเชี่ยวชาญที่สร้างสมขึ้น และสามารถนำมาใช้ให้บังเกิดผล วิจารณญาณ จะช่วยให้สามารถพิจารณาตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเป็นธรรม จึงขอให้อัยการทุกคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรู้ ความสามารถ ประสพการณ์ และวิจารณญาณ อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน จะได้สามารถอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน
และธำรงรักษาความยุติธรรมในบ้านเมืองได้อย่างแท้จริง ดังที่ให้คำสัตย์ปฏิญาณไว้

/- พลเอก ประยุทธ์ …

 

– ๒ –

– พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำ ตุลาการศาลทหาร เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
ในการนี้ พลเอก ประชาพัฒน์ วัจนะรัตน์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ และพลโท สุรเชษฐ์ เจริญปรุหัวหน้าสำนักตุลาการทหาร และตุลาการพระธรรมนูญหัวหน้าศาลทหารสูงสุด ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัส ความว่า ตุลาการศาลทหารทั้งหลายย่อมมีหน้าที่ทั้งในฐานะทหาร คือรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ และในฐานะตุลาการ คือรักษาความยุติธรรมในบ้านเมือง จึงอาจกล่าวโดยรวมได้ว่า หน้าที่ของตุลาการศาลทหาร ได้แก่การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ด้วยการธำรงความยุติธรรมในแผ่นดิน เรื่องความมั่นคงปลอดภัยกับความยุติธรรมนี้ ทุกคนคงจะทราบดีอยู่แล้วว่ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอย่างมาก เนื่องด้วยความยุติธรรมเป็นปัจจัยข้อใหญ่ ที่ทำให้
ชาติบ้านเมืองมีความมั่นคงปลอดภัย เป็นที่พึ่งที่อาศัยที่ทุกคนจะอยู่ร่วมกันได้อย่างผาสุกสงบ จึงขอให้ทุกท่าน
สำนึกตระหนักในความสำคัญของหน้าที่ตนอยู่เสมอ แล้วตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ทั้งปวงโดยเต็มกำลังความรู้ความสามารถ อันจะเป็นการรักษาคำสัตย์ที่ท่านได้ปฏิญาณไว้ได้อย่างเที่ยงแท้บริบูรณ์
– นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นำ ผู้บริหารสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ
ในพระบรมราชินูปถัมภ์ พร้อมด้วยผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน ภาคีเครือข่ายสตรีทั่วประเทศ เครือข่ายผู้ทอผ้า และเครือข่ายผู้ประกอบการ “โอทอป” (OTOP) ประเภทผ้า เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อม
ถวายผ้าอัตลักษณ์ประจำท้องถิ่นทั่วประเทศ แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิม
พระชนมพรรษา วันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๔
เวลา ๑๖.๕๘ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี
เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝน
เป็นเครื่องทรงฤดูหนาว ถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามพระบรมมหาราชวัง
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา และเจ้าคุณพระสินีนาฏ
พิลาสกัลยาณี โดยเสด็จในการนี้ด้วย
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง เสด็จเข้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปด้านหลังฐานชุกชี เสด็จขึ้นเกยไปยังบุษบกที่ประดิษฐานพระพุทธ
มหามณีรัตนปฏิมากร ทรงถวายพวงมาลัยสักการะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงกราบ ทรงถอดมงกุฎ
จากพระเศียรพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงหยิบพระมหาสังข์ประจำพระองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงสรงพระสุคนธ์ที่พระอังสาซ้ายขวาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงรับพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ
จากเจ้าพนักงานภูษามาลา ทรงสรงพระสุคนธ์ที่พระอังสาซ้ายขวาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงรับผ้าขาว
จากเจ้าพนักงานภูษามาลา ซับตามองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เสร็จแล้ว ทรงรับมงกุฎประจำฤดูหนาว
จากเจ้าพนักงานภูษามาลา ทรงสวมถวายที่พระเศียรพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงคม แล้วเสด็จลงจากเกย
ไปประทับพระราชอาสน์ที่จัดไว้ข้างฐานชุกชี ทรงหยิบผ้าขาวที่ซับองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรแล้ว
ชุบพระสุคนธ์ในโถแก้ว แล้วทรงบีบลงในโถแก้วและหม้อน้ำ เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปที่ฐานชุกชี

/ทรงวางกระทงดอกไม้…

 

– ๓ –

ทรงวางกระทงดอกไม้บนพานหน้าฐานชุกชี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่ง และเทียนห่วงบูชา
พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงคม จากนั้น ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ และพระพุทธเลิศหล้านภาไลย ทรงคม เสร็จแล้ว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองใหญ่ที่หน้าธรรมาสน์ศิลา
ทรงกราบ จากนั้น สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศที่หน้าธรรมาสน์ศิลา ทรงกราบ เสร็จแล้ว เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญพระมหาสังข์เพชรน้อย เข้าทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับพระมหาสังข์เพชรน้อย แล้วสรงที่พระเศียร จากนั้น พระราชทานน้ำพระมหาสังข์เพชรน้อยแก่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี
กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา
และเจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ
พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ แล้วเสด็จออกจากพระอุโบสถ
ทรงพระสุหร่ายน้ำพระพุทธมนต์ที่สรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรแก่ประชาชนที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท จากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
ในวันเดียวกันนี้ เวลา ๑๔.๔๗ น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรม
ราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากวังสระปทุม ไปในงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ
พระพุทธเลิศหล้านภาลัย ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ต่อจากนั้น
เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการแสดงนาฏศิลป์ โดยกรมศิลปากร ณ โรงละครแห่งชาติ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร